เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2562 เว็บไซต์ นสพ.Nikkei Asian Review ประเทศญี่ปุ่น เสนอข่าว “China-owned MG challenges Japanese dominance of SE Asian auto market” ระบุว่า “เอ็มจี (MG)” รถยนต์สัญชาติอังกฤษที่บริหารโดยการร่วมทุนระหว่าง SAIC Motor ประเทศจีน กับ CP ประเทศไทย กำลังจะกลายเป็นคู่แข่งสำคัญของค่ายรถยนต์แดนซามูไร หลังทำยอดขายบนแผ่นดินไทยแซง “ซูซูกิ (Suzuki)” ที่ช่วงเดียวกันครองส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ร้อยละ 2.4 ไมค์ (Mike)
หนุ่มไทยวัย 25 ปี ทำงานในกรุงเทพฯ เล่าว่า ก่อนหน้านี้ตนใช้รถยนต์ “มาสด้า (Mazda)” อีกยี่ห้อดังในกลุ่มรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่น แต่ปัจจุบันหันมาใช้เอ็มจีรุ่น MG3 ด้วยราคาประมาณ 5 แสนบาท ถูกกว่ารถทรงเดียวกันอย่าง Mazda 3 ซึ่งมีราคาอยู่ที่กว่า 9 แสนบาท ทั้งนี้ตลอด 9 เดือนแรกของปี 2562 MG ครองส่วนแบ่งตลาดในไทยร้อยละ 2.5 อยู่ในอันดับ 8 ของค่ายรถยนต์จากทั่วโลกที่ทำตลาดที่นั่น แต่ที่น่าจับตามองคือการที่ MG ประกาศวางจำหน่ายรถกระบะ อันเป็นพาหนะยอดนิยมของคนไทย รวมถึงพัฒนารถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้า (EV) อีกด้วย
SAIC กับ CP นั้นร่วมทุนกันเปิดสายการผลิตรถยนต์ MG ในไทยตั้งแต่ปี 2557 โดยผสมผสานกับระหว่างเทคโนโลยีของอังกฤษกับกระบวนการผลิตโดยใช้ต้นทุนต่ำของจีน ปัจจุบันมีตัวแทนจำหน่าย (Dealer) ราว 100 แห่งทั่วประเทศไทย อนึ่ง เป็นที่น่าสังเกตว่า ในเดือน ก.ย. 2562 ยอดขายรถยนต์ MG เพิ่มขึ้นร้อยละ 7 หากเทียบกับเดือนเดียวกันของปี 2561 ในขณะที่บรรดาค่ายรถญี่ปุ่นต่างมียอดขายลดลงจากเศรษฐกิจไทยที่ชะลอตัว
รายงานข่าวกล่าวต่อไปว่า ตลาดรถยนต์ในไทยเกือบร้อยละ 90 เป็นของค่ายรถยนต์จากญี่ปุ่น แต่ MG ที่แซงหน้าซูซูกิขึ้นมาได้นั้นยังมีกำลังผลิตส่วนเกินเพื่อท้าชิงกับคู่แข่งอื่นๆ เช่น มาสด้า จากญี่ปุ่น ที่ครองส่วนแบ่งตลาดร้อยละ 6 หรือ “ฟอร์ด (Ford)” จากสหรัฐอเมริกา ที่ครองส่วนแบ่งตลาดร้อยละ 5 ล่าสุดในเดือน ส.ค. 2562 MG ได้เปิดตัวรถกระบะขนาด 1 ตัน ซึ่ง พงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ (Pongsak Lertruedeewattanavong) รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด คาดหวังว่า รถกระบะทางเลือกใหม่นี้จะทำยอดขายได้ถึง 2 หมื่นคันต่อปี
ไม่เพียงเท่านั้น MG ยังรุกตลาดรถยนต์ไฟฟ้า โดยเปิดตัวในราคา 1.19 ล้านบาท ถูกกว่ารถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติญี่ปุ่นอย่าง “นิสสัน (Nissan)” รุ่น “ลีฟ (Leaf)” ถึงกว่าร้อยละ 40 อีกทั้งค่ายรถแดนมังกรยังมีบริการเสริม เช่น จัดหาเครื่องชาร์จกระแสไฟฟ้าสำหรับติดตั้งที่บ้านและฟรีค่าประกันรถยนต์ เบื้องต้นตั้งเป้าไว้ว่าจะขายได้ 2,000 คัน แต่มียอดจองแล้วกว่า 1,000 คัน ทั้งนี้รัฐบาลไทยมีนโยบายส่งเสริมรถยนต์ไฟฟ้า แต่บรรดาค่ายรถแดนซามูไรที่ลงทุนในไทยมายาวนานกลับตอบสนองอย่างเชื่องช้า เพราะมีโรงงานผลิตรถยนต์ใช้น้ำมันเป็นกำลังหลัก นั่นทำให้พวกเขาเสียความได้เปรียบที่เคยมีไป
รายงานข่าวยังกล่าวอีกว่า ตลาดรถยนต์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ที่ถูกยึดครองโดย 2 ค่ายรถแดนซามูไรอย่าง “โตโยต้า (Toyota)” และ “ฮอนด้า (Honda)” มานาน กำลังถูกท้าทายโดยค่ายรถยนต์จากแดนมังกร สิ่งที่เกิดขึ้นในเมืองไทยชี้ให้เห็นว่าจุดแข็งของรถญี่ปุ่นไม่อาจต้านทานการเจาะตลาดของจีน ปรากฏการณ์เดียวกันยังเกิดขึ้นในประเทศอินโดนีเซีย โดย SAIC เปิดตัวรถยนต์ยี่ห้อ “หวูหลิง (Wuling)” และได้ส่วนแบ่งตลาดไปร้อยละ 2 ส่วนที่ประเทศมาเลเซีย ตลาดใหญ่อันดับ 3 ของภูมิภาค Zhejiang Geely Holdings บริษัทแม่ของ Geely Automobile Holdings ก็ไปลงทุนในรถยนต์สัญชาติมาเลเซียอย่าง “โปรตอน (Proton)” ตั้งแต่ปี 2560
ขอบคุณเรื่องจาก : https://asia.nikkei.com/Business/Automobile/China-owned-MG-challenges-Japanese-dominance-of-SE-Asian-auto-market
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี