นายวรวุฒิ มาลา รักษาการผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย(ร.ฟ.ท.) เปิดเผยเกี่ยวกับการเปิดรับสมัครผู้ว่าการ ร.ฟ.ท. ว่าขณะนี้ได้หมดเขตการรับสมัครไปแล้วและมีผู้สมัครทั้งรวม 3 ราย เป็นบุคลากรผู้บริหารจากในหน่วยงานของการรถไฟฯ 2-3 ราย และเป็นผู้สมัครจากนอกหน่วยงาน 1 ราย โดยส่วนตัวมองว่าไม่ว่าผู้ว่าการคนใหม่จะเป็นคนในหน่วยงานหรือนอกหน่วยงานก็ได้ ขอให้บริหารและสร้างผลกำไรให้องค์กรพัฒนาต่อไปได้ก็พอ

ทั้งนี้ด้านรายงานข่าวกระทรวงคมนาคมระบุว่าในการรับสมัครคัดเลือกผู้ว่าการรถไฟฯคนใหม่ มีรวมกันทั้งสิ้น 4 ราย ได้แก่ ผู้บริหารร.ฟ.ท. 3 ราย คือ นายศิริพงศ์ พฤทธิพันธุ์ รองผู้ว่าการ กลุ่มธุรกิจการซ่อมบำรุงรถจักรและล้อเลื่อน 2.นายเอก สิทธิเวคิน รองผู้ว่าการ กลุ่มอำนวยการ 3.นายจเร รุ่งฐานีย รองผู้ว่าการ กลุ่มโครงสร้างพื้นฐาน รวมถึงผู้สมัครคนนอกองค์กร 1 ราย คือ นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร ซึ่งอดีตผู้ว่าการรถไฟฯ

มีรายงานแจ้งว่า สำหรับ นายวุฒิชาติเมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้ว่าการ ร.ฟ.ท.มีคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 10/2560 เรื่อง การปรับปรุงการบริหารงานของการรถไฟแห่งประเทศไทย โดยอาศัยอํานาจตามความในมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 ให้นายวุฒิชาติ พ้นจากตำแหน่งและให้ไปดํารงตําแหน่งเจ้าหน้าที่ของรัฐประจําสํานักนายกรัฐมนตรีตั้งแต่เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2560 พร้อมตั้งรักษาการผู้ว่าการ ร.ฟ.ท. ได้แก่ นายอานนท์เหลืองบริบูรณ์ และปัจจุบันมี นายวรวุฒิ มาลา รองผู้ว่าการ กลุ่มธุรกิจการบริหารสินทรัพย์ทำหน้าที่รักษาการผู้ว่าการร.ฟ.ท.

อย่างไรก็ดี แม้นายวุฒิชาติ พ้นจากตำแหน่งร.ฟ.ท.ยังต้องจ่ายเงินค่าตอบแทนให้นายวุฒิชาติตามสัญญาจ้างในอัตราเงินเดือน 370,000 บาท รวมทั้งค่าตอบแทนพิเศษประจำปี และสิทธิประโยชน์อื่นที่ผู้รับจ้างจะได้รับ ตามที่กระทรวงการคลังเห็นชอบแล้วมาโดยตลอด แม้ว่าจะไม่ได้ทำงานให้ ร.ฟ.ท.แล้วต่อมาเมื่อวันที่ 31 มกราคม 2562 นี้ สัญญาจ้างจะครบระยะเวลา 4 ปี ทาง ร.ฟ.ท.จึงหยุดจ่ายค่าตอบแทนเพราะถือว่าสัญญาจ้างได้สิ้นสุดลงแล้ว

มีรายงานแจ้งว่า ก่อนหน้านี้ การรถไฟฯ ได้ประกาศรับสมัครบุคคลผู้เข้ารับการสรรหาตำแหน่งผู้ว่าการ ร.ฟ.ท. โดยเริ่มเปิดรับสมัครตั้งแต่วันที่ 28 พฤศจิกายน 2562 และสิ้นสุดเมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2562 ซึ่งผู้สมัครจะต้องมีคุณสมบัติตามเกณฑ์ที่สำนักงาคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) กำหนดไว้ อาทิ เช่น เป็นบุคคลที่เคยบริหารองค์กรขนาดใหญ่ เป็นบุคคลที่ไม่เคยเป็นผู้ล้มละลาย ฯลฯ