‘จุรินทร์’นำทัพเอกชนบุกตลาดอินเดีย ขายไม้ยางพารา แป้งมันสำปะหลัง
17 มกราคม 2563 ที่เมืองเบงกาลูรู ประเทศอินเดีย นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นำภาคธุรกิจเอกชน กว่า 80 บริษัท เดินทางมาเปิดกิจกรรมเจรจาการค้าและสร้างเครือข่ายธุรกิจระหว่างภาคเอกชนไทยและอินเดีย นำร่องในแผนกิจกรรมส่งเสริมการส่งออกตามเป้าหมาย ปี 2563 ที่จะเดินสายโรดโชว์สินค้าไทย ใน 18 ประเทศ โดยมีการเปิดตัวท็อปไทยสโตร์ บนเว็บไซต์ Bigbasket.com คัดเลือกอาหารไทย 200 รายการมาขายผ่านออนไลน์อินเดียที่ใหญ่ที่สุดในอินเดีย และเป็นสักขีพยานลงนาม MOU ระหว่างนักธุรกิจไทยและอินเดีย 3 ฉบับ ในการซื้อขายแป้งมันสำปะหลัง และกาวผง
นายจุรินทร์ ให้สัมภาษณ์ว่า ประเทศ อินเดียเป็นหนึ่งในเป้าหมายสำคัญที่จะเปิดตลาดใหม่ เพราะอินเดียมีประชากรมากอันดับ 2 ของโลกรองจากจีน โดยมีประชากร 1,300 ล้านคน และในอีก 7 ปีข้างหน้าจะมีประชากรเพิ่ม 1,700 ล้านคน ซึ่งอินเดียมีนโยบายพลาสติกแบน ห้ามใช้พลาสติก จึงเป็นโอกาสสำคัญ ที่นักธรกิจไทยจะส่งออกมันสำปะหลัง เพื่อนำมาทำเป็นพลาสติกชีวภาพ อันจะสร้างมูลค่าการส่งออกมหาศาลและนโยนาย House for all ชาวอินเดียทุกคนต้องมีบ้าน ซึ่ง 2 นโยบายดังกล่าว เป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาล
นายนเรนทระ ทาโมทรทาส โมที นายกรัฐมนตรีอินเดีย ซึ่ง จะเป็นลู่ทางในการส่งออกสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้าง เช่น เฟอร์นิเจอร์ ที่ไทยจะนำไม้ยางพารามาประชาสัมพันธ์ให้คนอินเดียได้รู้จักมากขึ้น จากเดิมที่รู้จักแต่ไม้สัก ถือเป็นการเปิดตลาดใหม่และคาดว่าการเดินทางมาครั้งนี้ จะเพิ่มมูลค่าได้มากขึ้น เพราะมีนักธุรกิจร่วมคณะมาจับคู่เจรจาการค้าถึง 80 บริษัท จากที่เคยมาเปิดตลาดอินเดียเมื่อปีที่และมีนักธุรกิจ 30-40 บริษัท แต่สามารถเจรจาการค้าได้ถึง 1.2 หมื่นล้านบาท ซึ่งครั้งนี้ จะต้องรอผลการจับคู่การเจรจาธุรกิจที่จะต้องเดินทางไป 2 เมือง คือ เบงกาลูรู และไฮเดอราบัด จึงจะสามารถสรุปตัวเลขได้
นายจุรินทร์ กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ ในเรื่องของน้ำมันปาล์ม อินเดียเป็นตลาดใหม่ที่กระทรวงพาณิชย์จะขายตรงให้อินเดียในอนาคต จากปัจจุบันที่ต้องขายผ่านสิงคโปร์ ซึ่งการขายตรงจะเพิ่มมูลค่าการค้าได้มากขึ้น
นายจุรินทร์ ยังกล่าวถึงราคาปาล์มน้ำมันสูง จาก กก. ละ 2.30 บาท เป็น 7.70 บาท ว่าจะไม่มีผลกระทบต่อราคาน้ำมันพืช เพราะกระทรวงพาณิชย์ได้ให้กรมการค้าภายใน ตรึงราคานำมันปาล์มขายไม่ให้เกินราคา ลิตรละ 42 บาท ซึ่งขณะนี้ราคานำมันปาล์มในท้องตลาดยังไม่ถึงลิตรละ 42 บาท เพราะมีการแข่งขันสูงและยังมีสต็อกที่สามารถใช้ได้อย่างน้อยอีก 1 เดือน
ขณะเดียวกัน ยังรัฐบาลยังมีมาตรการคุมเข้มการลักลอบการนำเข้าน้ำมันปาล์มจากประเทศเพื่อนบ้าน โดยห้ามนำเข้าทางบก แต่ให้นำเข้าได้ผ่าน 3 ท่าเรือเท่านั้น คือ ท่าเรือกรุงเทพ (คลองเตย) ท่าเรือแหลมฉบัง และท่าเรือมาบตาพุด ส่วนการนำเข้าผ่านด่าน ให้ผ่านได้เฉพาะด่านท่าเรือกรุงเทพเท่านั้น ขณะที่การส่งออกไปยังประเทศที่สาม ให้ผ่านได้ 3 ด่าน คือ ด่านแม่สอด ด่านสระแก้ว ด่านหนองคาย และคาดว่าภายในเดือนกุมภาพันธ์ปริมาณปาล์มในประเทศ ผลผลิตจะออกมามาก ราคาจะอ่อนตัวลง และในช่วงนี้ที่น้ำมันปาล์มราคาแพง สามารถที่จะใช้น้ำมันอื่นทดแทนได้ เช่น น้ำมันรำข้าว น้ำมันทานตะวัน น้ำมันถั่วเหลือง เพราะต้นทุนไม่ได้เพิ่มขึ้น จึงทำให้มีราคาถูก
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี