นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมช.คมนาคม เปิดเผยภายหลังตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ว่า สนข.ได้เสนอการศึกษาการจัดทำมาตรฐานการวิเคราะห์ผลกระทบด้านการจราจร (TIA) มาใช้กับโครงการขนาดใหญ่ของกระทรวงคมนาคม ที่จากเดิม TIA จะเป็นส่วนหนึ่งในการพิจารณาของการรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) อยู่แล้ว
โดยการศึกษา TIA จะช่วยทำให้การดำเนินการโครงการต่างๆ ไม่สร้างปัญหาการจราจรในอนาคต และมีการกำหนดกรอบเวลาให้ชัดเจน พร้อมทั้งมีข้อมูลทางวิชาการ และตัวแบบมาประกอบการดำเนินการ ซึ่ง TIA จะเป็นส่วนที่ทำให้การดำเนินการเร็วขึ้นอย่างไรก็ตาม คาดว่าจะเสนอให้คณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก (คจร.) พิจารณา TIA ภายใน 3-6 เดือน ก่อนที่จะสรุปแนวทางเพื่อนำไปสู่การปฏิบัติต่อไป
ทั้งนี้ ตนได้มีการมอบหมายให้ สนข.ทำความเข้าใจในการแก้ไขปัญหาโลจิสติกส์ของประเทศ ครอบคลุมใน 4 มิติ ทั้งทางบกทางน้ำ ทางราง และทางอากาศ ร่วมกับภาคส่วนต่างๆ ทั้งภาคประชาชน เอกชน และต่างประเทศ พร้อมวางแผนคาดการณ์ในอนาคตให้สอดคล้องกับการเติบโตอย่างก้าวกระโดด และกำหนดค่าตัวชี้วัด (KPI)ให้ชัดเจน เพราะต้องสามารถอธิบายผลกระทบและผลตอบแทนอย่างเป็นรูปธรรมแก่ประชาชนได้ รวมถึงเน้นการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้มากขึ้น โดยเฉพาะการนำโดรนมาบริหารจัดการจราจร และประสานความร่วมมือกับกองทัพอากาศ (ทอ.) เพื่อนำอากาศยานไร้คนขับ (UAV) มาใช้
อย่างไรก็ตาม สนข.จะต้องมีการวางแผนการพัฒนาต่างๆ ให้กระจายความเจริญไปสู่ภูมิภาค ตามนโยบายของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และจะต้องบูรณาการกับกระทรวงอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อวางแผนให้ประชาชนได้ประโยชน์จากพื้นที่ เช่น ที่อยู่อาศัย การศึกษา โรงพยาบาล เป็นต้น นอกจากนี้ให้พิจารณาการใช้พื้นที่ขึ้นแนวสูง นอกเหนือจากแนวราบ ตามต้นแบบในต่างประเทศ ที่จะสามารถช่วยประหยัดพื้นที่ในการดำเนินการ
นายชยธรรม์ พรหมศร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร(สนข.) กล่าวว่า สนข.ได้มีการทำการศึกษาแนวทางของ TIA มาประมาณ 1 ปีกว่าแล้ว ทั้งนี้เนื่องจากในปัจจุบันกระทรวงคมนาคมก็มีนโยบายชัดเจนที่ต้องการให้ประชาชนใช้รถยนต์ส่วนบุคคลให้น้อยลง แล้วหันมาใช้การเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะให้มีความสะดวกสบายมากขึ้น รวมถึงจะมีการสร้างทางเดินลอยฟ้าเพิ่มเติมเพื่อเชื่อมอาคาร และลดการใช้รถในการเข้า-ออกอาคาร
ทั้งนี้ในการจัดทำ EIA หากกฎหมาย EIA ครอบคลุมไม่ถึง อาจจะต้องมีการพิจารณา TIA ด้วย ซึ่งหลังจากนี้จะต้องรอการพิจารณาของคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก (คจร.) เกี่ยวกับทิศทางและนโยบายดำเนินการ โดยการจัดทำ TIA นั้น จะไม่ซ้ำซ้อนกับ EIA เนื่องจากกฎหมายปัจจุบันมีหลายๆ โครงการ ที่เป็นโครงการขนาดใหญ่ที่ไม่ศึกษาเรื่องนี้ และไม่อยู่ในข้อกฎหมาย โดยจะมีผู้เชี่ยวชาญรับผิดชอบอยู่ ส่วน สนข.จะเป็นหน่วยงานที่คอยแนะนำให้ และโครงการคมนาคมจะต้องผ่านกระบวนการ TIA นี้ด้วย ซึ่งหลายๆโครงการมีการทำงานอยู่แล้ว แต่ทำให้ชัดเจนและเป็นระเบียบมากขึ้น เพื่อให้ความสำคัญของปัญหาการจราจร และการจัดทำ TIA ต้องไม่เป็นการสร้างภาระเงื่อนไขในเรื่องเวลา และความไม่ชัดเจนในระเบียบดำเนินงาน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี