เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2563 ธนาคารพาณิชย์ทยอยประกาศปรับลดดอกเบี้ย เพื่อเป็นการลดภาระค่าใช้จ่ายในด้านดอกเบี้ยให้กับลูกค้าประชาชน พร้อมทั้งมีส่วนสนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ประกอบกับ มติที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายร้อยละ 0.25ต่อปี จากร้อยละ 1.25 เป็นร้อยละ 1.00 ต่อปี
นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ธอส.ลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลง 0.125-0.250% ต่อปี ประกอบด้วย อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายใหญ่ชั้นดีประเภทเงินกู้แบบมีระยะเวลา (MLR) จาก 6.000% ต่อปี ลดลงเหลือ 5.875% ต่อปี อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MRR) จาก 6.500% ต่อปี ลดลงเหลือ 6.375% ต่อปี และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายใหญ่ชั้นดีประเภทเงินกู้เบิกเกินบัญชี (MOR) จาก 6.750% ต่อปี ลดลงเหลือ 6.500% ต่อปี กำหนดให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2563 เป็นต้นไป ทั้งนี้ ถือเป็นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เพื่อที่อยู่อาศัยที่ต่ำที่สุดในระบบสถาบันการเงินในปัจจุบัน
ด้านนายอาทิตย์ นันทวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและประธานกรรมการบริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า ไทยพาณิชย์ได้ลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ MLR ลง 0.25% จาก 6.025% เป็น 5.775% เพื่อช่วยลูกค้าผู้ประกอบการธุรกิจขนาดใหญ่ ขนาดกลางและขนาดย่อม และลูกค้ารายย่อย รับมือผลกระทบเศรษฐกิจชะลอตัวจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา
สำหรับในส่วนของอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก ธนาคารไม่ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์บุคคลธรรมดา แต่มีการปรับลดเฉพาะอัตราดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์นิติบุคคลลง 0.15% - 0.25% และเงินฝากประจำลง 0.05%-0.25% โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2563 เป็นต้นไป ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ MLR ใหม่ จะมีผลตั้งแต่วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2563 เป็นต้นไป
ก่อนหน้านี้ธนาคารกสิกรไทย เป็นธนาคารแรกที่นำร่องปรับลดอัตราดอกเบี้ย MRR สำหรับลูกค้าบุคคล และลูกค้าผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ลง 0.25% จากเดิม 6.87% เป็น 6.62%
สำหรับในส่วนของอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก ธนาคารกสิกรไทย ไม่ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์บุคคลธรรมดา แต่มีการปรับลดเฉพาะอัตราดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์นิติบุคคลลง 0.10-0.12% และเงินฝากประจำลง 0.05-0.25% มีผลตั้งแต่วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2563
นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)เปิดเผยว่า แม้กนง. มีมติลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย แต่ กนง.ก็พร้อมใช้ Policy Space เพิ่มเติมทั้งนโยบายดอกเบี้ยและมาตรการต่างๆ หากเศรษฐกิจชะลอตัวมากกว่านี้ แม้ว่าการลดดอกเบี้ยจะมีผลต่อเศรษฐกิจไม่มากเท่าไหร่ เพราะแม้ดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำ แต่ในภาวะปัจจุบันที่มาตรการการคลังมีจำกัด เพราะยังติดขัดเรื่องงบประมาณรายจ่ายปี 2563 ที่ยังเบิกจ่ายไม่ได้ ดังนั้น ต้องผสมผสานมาตรการทั้งหมด ทั้งมาตรการการคลัง มาตรการการเงินและสถาบันการเงิน เพราะถ้าเศรษฐกิจชะลอตัวรุนแรงกว่านี้จนเกิดปัญหาหนี้เสีย คนตกงาน อาจสร้างปัญหาต่อเนื่องระยะยาว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี