กทพ.คาดลงนามสัญญาขยายสัมปทานทางด่วนใหม่ให้ BEM ได้ภายในสัปดานี้ พร้อมตั้ง"ดำเกิง" รักษาการแทนผู้ว่าการ กทพ.แทนมีผล 20 ก.พ.นี้
วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2563 นายสุรงค์ บูลกุล ประธานกรรมการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) เปิดเผยว่าในที่ประชุมได้หารือมติคณะรัฐมนตรี(ครม.)ที่เห็นชอบแนวทางยุติข้อพิพาททางด่วนระหว่างการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) และบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BEM) ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ โดยจะยุติข้อพิพาทและถอนฟ้องทั้งหมด 17 คดี เพื่อแลกกับการขยายสัญญาสัมปทานทางด่วน 3 ฉบับ สูงสุดอยู่ที่ 15 ปี 8 เดือน ที่จะสิ้นสุดสัญญาพร้อมกันในวันที่ 31 ต.ค.2578 ซึ่งทาง กทพ.ได้มีการดำเนินการเตรียมความพร้อมขั้นตอนและรายละเอียดการลงนามในสัญญาสัมปทานใหม่ที่ขณะนี้ยังมีเรื่องของรายละเอียดที่จะต้องทำให้ครบสมบูรณ์ก่อนที่จะลงนามในสัญญา ซึ่งคาดว่าจะสามารถลงนามได้ภายในสัปดาห์นี้เนื่องจากทางคณะรัฐมนตรี(ครม.)และกระทรวงคมนาคมได้มีการมอบหมายให้เร่งรัดในการดำเนินการ
ทั้งนี้ กทพ.และ BEM จะต้องไปดำเนินการถอนฟ้องทั้งหมด 17 คดีโดยเร็วที่สุด ซึ่งหากยังถอนฟ้องไม่เรียบร้อยอาจจะมีการใช้วิธียึดรายได้จาการเก็บค่าผ่านทางไว้ก่อน เพื่อเป็นหลักประกัน และจะคืนให้ภายหลังเมื่อได้มีการดำเนินการถอนฟ้องเรียบร้อยครบทุกคดีแล้ว อย่างไรก็ตามเนื่องจากก่อนที่จะถอนฟ้องต้องลงนามในสัญญาสัมปทานใหม่ก่อนเพื่อแสดงให้เห็นว่าข้อพิพาททั้งหมดได้ยุติลงแล้ว สำหรับสิทธิต่อสัญญานั้นในสัญญาดังกล่าวได้มีการระบุชัดเจนว่าการขยายสัญญาสัมปทานครั้งนี้เป็นการต่อสัญญาตามสิทธิของสัญญาเดิมที่ทาง BEM สามารถเจรจาต่อสัญญาได้ครั้งละ10 ปี 2 ครั้ง ซึ่งหลังจากที่ทาง ครม.มีมติให้ขยายสูงสุด 15 ปี 8 เดือน เท่ากับว่า BEM จะมีสิทธิต่สัญญาแค่ 4 ปี 4 เดือนเท่านั้น
"คาดว่าจะเซ็นสัญญาได้ภายในสัปดาห์นี้ แต่ต้องขึ้นอยู่กับความพร้อมว่าจะสามารถเซ็นสัญญาได้วันไหน เพราะจะต้องดูรายละเอียดและทาง กทพ.และBEM จะต้องเตรียมหนังสือไปเพื่อขอถอดถอนคดีทั้งหมด 17 คดี ที่จะต้องทำคู่กัน รวมถึงทางอัยยการสูงสุดได้เตรียมบุคลากรเพื่อเข้ามาช่วยดำเนินการพิจารณาดังกล่าวด้วย" นายสุรงค์กล่าว
นอกจากนี้ทางคณะกรรมการ กทพ.ได้มีมติยับยั้งใบลาออกของนายวิชาญ เอกรินทรากุล รองผู้ว่าการฝ่ายกลยุทธ์และแผนงาน ที่ได้มีการยื่นทำหนังสือลาออกจากทุกตำแหน่งใน กทพ.ก่อนหน้านี้ที่จะมีผลในวันที่ 3 มี.ค.2563 แต่ในที่ประชุมคณะกรรมการฯได้ลงความเห็นว่ายังเป็นบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถเป็นประโยชน์กับ กทพ. ซึ่งได้มีปัญหาเกี่ยวหาเกี่ยวกับสุขภาพจึงต้องใช้ระยะเวลาในการรักษาตัวแต่ยังสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้เพียงแต่ไม่พร้อมที่จะปฏิบัติหน้าที่ในฐานะรักษาการผู้ว่า กทพ.ทางคณะกรรมการจึงมีความเห็นให้ยับยั้งการลาออกและมอบหมายให้ไปดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาแทนเพียงตำแหน่งเดียวโดยยืนยันว่าเป็นความสมัครใจของเจ้าตัวเองและได้มีการแต่งตั้งนายดำเกิง ปานขำ รองผู้ว่าการฝ่ายปฏิบัติการ ทำหน้าที่รักษาการแทนผู้ว่าการ กทพ.ตั้งแต่วันที่ 20 ก.พ.นี้ เป็นต้นไป พร้อมยืนยันเป็นความสมัครใจไม่มีการลาออกแน่นอน ขณะที่กระบวนการสรรหาผู้ว่าการ กทพ.คนใหม่นั้นก็อยู่ระหว่างการเร่งรัดดำเนินการ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี