ธ.ก.ส.ออกมาตรการเพิ่มเติมช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของไวรัส COVID-19 โดยพักชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ย 3 เดือน โดยอัตโนมัติให้กับลูกค้าที่มีงวดชำระเป็นรายเดือน มีสถานะเป็นหนี้ปกติหรือค้างชำระไม่เกิน 3 เดือน ไม่ต้องเดินทางมาที่สาขา
นายอภิรมย์ สุขประเสริฐ ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลและธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้มีนโยบายให้สถาบันการเงินดำเนินมาตรการเพื่อช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โรค COVID-19 ธ.ก.ส. จึงได้ออกมาตรการให้ความช่วยเหลือลูกค้าให้สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ โดยมีกระแสเงินสดสำหรับเป็นค่าใช้จ่ายที่จำเป็นในการดำเนินชีวิตประจำวันและบรรเทาปัญหาการขาดสภาพคล่องของผู้ประกอบการ โดยพักชำระหนี้ต้นเงินและดอกเบี้ย 3 เดือน โดยอัตโนมัติ (เดือนเมษายน พฤษภาคมและมิถุนายน 2563) ให้กับลูกค้าที่ใช้บริการสินเชื่อที่มีกำหนดชำระเป็น รายเดือน ซึ่งลูกค้าต้องมีสถานะเป็นหนี้ปกติหรือค้างชำระไม่เกิน 3 เดือน (ณ วันที่ 1 มีนาคม 2563) และไม่ถูกจัดชั้นเป็นหนี้ด้อยคุณภาพ (NPL) ทั้งในส่วนของเกษตรกร บุคคล ผู้ประกอบการ(นิติบุคคล) กลุ่มบุคคล กลุ่มเกษตรกร วิสาหกิจชุมชุน และสหกรณ์ ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ทั้งทางตรงและทางอ้อม
สำหรับประเภทของสินเชื่อที่ได้รับความช่วยเหลือ ได้แก่ สินเชื่อส่วนบุคคลที่ผ่อนชำระเป็นงวด รายเดือน ได้แก่ โครงการสินเชื่อสวัสดิการบุคลากรภาครัฐฯ, โครงการสินเชื่อสวัสดิการ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) และโครงการสินเชื่อรายย่อยเพื่อใช้จ่ายฉุกเฉิน ระยะที่ 1 และ 2 สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (วงเงินกู้ไม่เกิน 3 ล้านบาท) ที่ผ่อนชำระเป็นรายเดือน ได้แก่ โครงการสินเชื่อสวัสดิการบุคลากรภาครัฐฯ, โครงการสินเชื่อสวัสดิการ สปสช. และสินเชื่อที่ผ่อนชำระเป็นงวดรายเดือน และโครงการสินเชื่อ SME เกษตร (วงเงินกู้ ไม่เกิน 20 ล้านบาท) เฉพาะสัญญาที่มีกำหนดชำระเป็นรายเดือน ระยะเวลาดำเนินโครงการตั้งแต่บัดนี้ ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2563 โดยลูกค้าไม่จำเป็นต้องเดินทางมาติดต่อที่สาขา
ทั้งนี้ หากครบกำหนดระยะเวลา 3 เดือนแล้ว ลูกค้ายังมีภาระหนัก ไม่สามารถชำระหนี้ได้ สามารถติดต่อ ธ.ก.ส. สาขา เพื่อขอปรับปรุงโครงสร้างหนี้ตามความสามารถในการชำระหนี้ต่อไป หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Call Center 02 555 0555
ด้าน”สำนักข่าวไทย”รายงานในเช้าวันเดียวกัน มีประชาชน ไปเข้าคิว เพื่อซื้อแอลกอฮอล์ความเข้มข้น 70% ที่ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ โออาร์ เปิดขายใน ปั๊มน้ำมัน พีทีที สเตชั่น ในเขต กทม.ทั้งหมด 155 แห่ง โดยเปิดขายปั๊มละ 80 ขวด จากการสำรวจพบว่า มีประชาชนไปเข้าคิวตั้งแต่เช้า บางปั๊มรอตั้งแต่ 06.30 น. บางสาขาประชาชนจัดคิวกันเอง ก่อนที่จะมีการแจกบัตรคิว เพื่อรอจำหน่ายในเวลา 09.00 น. บางสาขา มีผู้ซื้อไม่พอใจ โวยวายที่มารอคิวนาน ทางผู้จัดการปั๊มต้องมาชี้แจงให้เกิดความเข้าใจ และจากจำนวนจำกัด ทำให้ การจำหน่ายหมดอย่างรวดเร็ว ในเวลาไม่เกิน 09.30 น. ผู้ที่ต้องการซื้อหลายรายต้องผิดหวังที่ไม่สามารถซื้อได้ในราคาถูก เพียงลิตรละ 110 บาท เพราะในท้องตลาดส่วนใหญ่ ขายราคามากกว่า 300 บาท/ลิตร ในขณะนี้ปั๊มอื่นๆ ที่ร่วมจำหน่ายแอลกอฮอล์ราคาถูกเพื่อช่วยเหลือผู้บริโภค ยังมีปั๊ม บางจากฯ เชลล์และเอสโซ่ โดนบางจากฯจำเริ่มขายในวันที่ 6 เม.ย.นี้
วันเดียวกัน พล.ต.ต.รณกร ฤทธิรงค์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด อุบลราชธานี พร้อมคณะแถลงข่าวจับกุมขายหน้ากากอนามัยเกินราคา พร้อมของกลางเป็นหน้ากากอนามัยยี่ห้อฟอร์เชิน (FORTUNE) ผลิตจากประเทศเวียดนามจำนวน 50 กล่องบรรจุกล่องละ 50 ชิ้น มูลค่ากว่า 35,000 บาท พร้อมผู้ต้องหาที่ถูกล่อซื้อเป็นชายวัยรุ่น 1 คน ชื่อนายพัทธนันท์ หรือ เปรม แก้วหารอด อายุ 22 ปี ที่โพสต์ขายสินค้าผ่านเฟสบุ๊กของผู้ต้องหา ตำรวจจึงทำการล่อซื้อและจับตัวได้ในเวลาต่อมา พร้อมของกลาง
จากการสอบสวนนายพัทธนันท์ ให้การรับสารภาพได้ติดต่อขอซื้อหน้ากากอนามัยที่ผลิตจากประเทศเวียดนาม ผ่านโปรแกรมเฟสบุคครั้งแรกเมื่อวันที่ 31 มี.ค.จากนายณัฐพงค์ โคสขึง อายุ 28 ปี เป็นชาวบ้านท่าไคร้ ต.นาสีนวน อ.เมือง จ.มุกดาหาร ในราคาลังละ 32,000 บาทมี 50 กล่องและได้ประกาศขายหมดไปแล้วต่อมาเช้าวันที่ 3 เม.ย.ได้รับหน้ากากอนามัยยี่ห้อเดียวกันจาก น.ส.ออย แฟนของเพื่อนที่มีบ้านพักอยู่บ้านหัวเรือ ต.หัวเรือ อ.เมืองอุบลราชธานี ในราคาเดียวกัน จึงนำมาประกาศขายผ่านเฟสบุ๊กของตนเองอีก กระทั่งถูกเจ้าหน้าที่เข้ามาทำการล่อซื้อและจับกุมดำเนินคดีขายหน้ากากอนามัยในราคาสูงเกินราคาควบคุม ซึ่งชุดสืบสวนจะทำการขยายผลตามจับกลุ่มเพื่อนผู้ต้องหาที่นำหน้ากากมาขายในราคาแพงต่อไปด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี