นายกีรติ รัชโน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ (คต.) เปิดเผยว่า สถิติการค้าชายแดนและผ่านแดนของไทย 3 เดือนแรก ปี 2563 (มกราคม-มีนาคม) มีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 264,969 ล้านบาท ลดลง 7.64% แบ่งเป็นการส่งออก 187,564ล้านบาท (ลดลง 5.42%) และการนำเข้า 77,405 ล้านบาท (ลดลง 12.61%) ซึ่งเกินดุลการค้า 110,159 ล้านบาท
การค้าชายแดนมาเลเซียยังคงเป็นคู่ค้าอันดับหนึ่ง มูลค่า 56,475 ล้านบาท (ลดลง 27.78%) เป็นการส่งออก 25,731 ล้านบาท (ลดลง 27.17%) นำเข้า 30,744 ล้านบาท (ลดลง 28.28%) รองลงมาคือ สปป.ลาว มูลค่า 42,680 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 2.43%) กัมพูชา มูลค่า 48,339 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 15.01%) และเมียนมา มูลค่า 48,167 ล้านบาท (ลดลง 2.90%) และขณะที่การค้าผ่านแดนไปยังจีนตอนใต้ หลังจากจีนเปิดประเทศเนื่องจาก ไวรัสโคโรนา มีมูลค่าการค้าเพิ่มสูงถึง 28,626 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 4.88%) เป็นการส่งออก 11,300 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 15.88%) นำเข้า 17,327 ล้านบาท (ลดลง 1.23%)รองลงมา คือ สิงคโปร์มูลค่า 19,701 ล้านบาท(เพิ่มขึ้น 14.41%) และเวียดนาม มูลค่า 13,538 ล้านบาท (ลดลง 27.86%) ตามลำดับ
สำหรับมูลค่าการส่งออกด้านกัมพูชานับเป็นประเทศที่ไทยส่งออกเพิ่มขึ้นถึง 14.25% โดยเฉพาะเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ สินค้าปศุสัตว์และรถยนต์ อุปกรณ์ ด้านเมียนมา มูลค่าการส่งออกยังคงลดลง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นน้ำมันดีเซล เครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ และผ้าผืนและด้าย ด้านมาเลเซีย มีการส่งออกลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะสินค้ายางพารา เครื่องคอมพิวเตอร์ และผลิตภัณฑ์ยาง และด้าน สปป.ลาวสถานการณ์การส่งออกยังคงขยายตัวเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะการส่งออกเครื่องคอมพิวเตอร์ ผลไม้สดแช่เย็น และเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ เป็นต้น
นายกีรติกล่าวว่า การค้าชายแดนและผ่านแดนยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา หรือโควิด-19 ทั้งทางด้านการค้าและการท่องเที่ยว สาเหตุที่สำคัญมาจากการปิดจุดผ่านแดนถาวรของไทยจากเดิมมี 42 จุด แต่เปิดจุดผ่านแดนถาวรแค่ 25 จุดทั่วประเทศ ทำให้เหลือช่องทางส่งออกสินค้าไปยังประเทศเพื่อนบ้านน้อยมาก ทำให้มูลค่าการส่งออกลดลง อย่างไรก็ตาม กรมการค้าต่างประเทศยังคงเกาะติดและสังเกตการณ์อย่างใกล้ชิดตามแนวชายแดนด่านทั่วประเทศ และหวังว่าสถานการณ์ไวรัสโคโรนาจะจบลง
ที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์ ได้แก้ไขปัญหาการค้าชายแดนของไทยมาโดยตลอด ดังนี้ 1.ไทย-มาเลเซีย ขอเจรจากับประเทศมาเลเซีย เพื่อผลักดันให้มาเลเซีย เปิดด่านเพิ่ม(ทุกสินค้า) ได้แก่ ด่านบ้านประกอบ จ.สงขลา และด่านปาดังเบซาร์ จ.สงขลา เพื่อเพิ่มมูลค่าการส่งออกของไทยไปมาเลเซีย
2.ไทย-กัมพูชา ได้ผลักดันให้เปิดด่านบ้านผักกาด จ.จันทบุรี เพื่อใช้เป็นช่องทางในการนำเข้าและส่งออกสินค้าเกษตรระหว่างไทยกับกัมพูชา
3.ไทย-สปป.ลาว ได้ประชาสัมพันธ์ระเบียบและแนวทางปฏิบัติระบบการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศและผ่านแดนของ สปป.ลาวให้ผู้ประกอบการไทยได้รับทราบและประสาน สคต. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเจรจาแก้ไขปัญหาและอำนวยความสะดวกขนส่งผ่านแดนไปจีนตอนใต้ ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ของไทย ได้เจรจากับกระทรวงศุลกากรจีน (GACC) โดยทั้งสองฝ่ายได้เห็นชอบ “ร่างพิธีสารว่าด้วยข้อกำหนดในการกักกันโรคและตรวจสอบสำหรับการส่งออกและนำเข้าผลไม้ผ่านประเทศที่สามเข้าสู่สาธารณประชาชนจีน” แล้ว แต่อยู่ระหว่างรอการลงนาม ซึ่งในทางปฏิบัติตั้งแต่วันที่ 30 เมษายน 2563 ได้อนุญาตให้นำเข้า-ส่งออกผลไม้สดในด่านฝั่งไทยเพิ่มจาก 2 ด่าน เป็น 5 ด่าน คือ ด่านเชียงของ ด่านมุกดาหาร ด่านนครพนม(เส้นทาง R12) ด่านบึงกาฬ (เส้นทาง R8) และด่านบ้านผักกาด(จันทบุรี เส้นทาง R1) ส่วนด่านฝั่งจีนเพิ่มจาก 2 ด่าน เป็น 4 ด่าน คือ ด่านโม่หานด่านโหย่วอี้กวน ด่านตงซิง และด่านรถไฟผิงเสียง คาดว่าจะทำให้การส่งออกผลไม้สดของไทยไปจีนตอนใต้สะดวกมากขึ้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี