นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง เปิดเผยภายหลังมอบนโยบายผู้บริหารธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ไอแบงก์)ว่า ไอแบงก์ถือเป็นสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐที่มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนชาวไทยมุสลิมนอกเหนือจากรับฝากเงิน ปล่อยสินเชื่อแล้ว ต้องเข้าไปช่วยยกระดับการพัฒนาทางด้านเศรษฐกิจท้องถิ่นให้กับชุมชนมุสลิมซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากให้เข้มแข็งด้วย
ไอแบงก์ต้องปรับบทบาทใหม่เพื่อให้ชาวมุสลิมเข้าถึงการบริการให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ในการจัดตั้งธนาคารมาตั้งแต่เริ่มต้น จะต้องเข้าไปช่วยเหลือให้ชาวมุสลิมมีความมั่นคงในชีวิต ปล่อยสินเชื่อในทุกเซ็กเตอร์ที่เกี่ยวข้องกับการสร้างงาน โดยเฉพาะเกี่ยวข้องกับอาหารฮาลาล ส่งเสริมฮาลาลในกลุ่ม SMEs รายย่อย เพื่อสนับสนุนให้ผลการดำเนินงานเติบโตและพัฒนามากขึ้น ทั้งยังมีส่วนสำคัญในการช่วยให้เกิดการจ้างงาน สร้างรายได้ ให้กับชาวมุสลิม โดยเฉพาะพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของรัฐตามบทบาทและภารกิจใหม่ของสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ
การส่งเสริมการพัฒนาอาชีพให้กับชาวมุสลิม ไอแบงก์ยังสามารถร่วมกับ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME Bank ในโครงการต่างๆ โดยเฉพาะโครงการพัฒนาอาชีพ อีกทั้งไอแบงก์ยังสามารถปล่อยสินเชื่อและค้ำประกันสินเชื่อให้กับธุรกิจ SMEs หรือ วิสาหกิจชุมชน ในการนำไปต่อยอดทางธุรกิจ หรือ เป็นเงินทุนหมุนเวียน ผ่านการร่วมมือกับบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน โดยเฉพาะชาวมุสลิม ที่ถือเป็นกำลังหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจภาคใต้ให้มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
สิ่งที่ฝากให้ผู้บริหารไอแบงก์ไปเร่งดำเนินการ คือ เพิ่มสาขาในภาคใต้ที่ยังมีน้อย ขณะนี้มีเพียง 40 สาขา จากทั่วประเทศ 100 สาขา จึงควรขยายสาขาในภาคใต้ให้ครบทุกอำเภอ เพื่อช่วยเหลือชาวมุสลิมที่ส่วนใหญ่อยู่ภาคใต้เชื่อว่าหากทำได้จะทำให้มีเงินทุนจากต่างประเทศและประเทศในตะวันออกกลาง ที่อยากช่วยชาวมุสลิมมาร่วมลงทุนกับไอแบงก์ทำให้ธนาคารเข้มแข็งขึ้นไม่ต้องพึ่งพาการเพิ่มทุนจากรัฐบาล
“ ถ้าขาดเหลืออะไร คลังพร้อมสนับสนุน โดยเน้นย้ำไปว่าไม่จำเป็นต้องไปแข่งกับธนาคารพาณิชย์ในเรื่องการทำกำไร แม้ว่าการช่วยเหลือประชาชนจะทำให้ธนาคารกำไรลดลงแต่ไม่เป็นไร เพราะถือว่าเป็นการดำเนินธุรกิจในฐานะสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ”นายสันติ กล่าว
ปัจจุบันโครงสร้างสินเชื่อและเงินฝาก ยังมีสัดส่วนของลูกค้าชาวมุสลิมน้อยมาก โดยใน เดือนมีนาคม สินเชื่อกว่า 54,000 ล้านบาท ประกอบด้วย ลูกค้ารายใหญ่ 27,174 ล้านบาท สัดส่วน 19 %ลูกค้า SMEs จำนวน 7,825 ล้านบาท สัดส่วน 14% และลูกค้า Retail จำนวน 19,930 ล้านบาท สัดส่วน 37% เมื่อแบ่งสัดส่วนลูกค้าสินเชื่อทั้งหมด 37,844 ราย พบว่า เป็นลูกค้ามุสลิม 12,215 รายสัดส่วน 32 %ที่เหลือเป็นลูกค้าไม่ใช่ชาวมุสลิม 25,629 ราย สัดส่วน 68%
สำหรับเงินฝากส่วนใหญ่ยังเป็นลูกค้ารายใหญ่ 46% วงเงิน 36,686 ล้านบาท ลูกค้ารายกลาง 21 %วงเงิน 1,600 ล้านบาท และลูกค้าย่อย 33 %วงเงิน 26,364 ล้านบาท โดยมีลูกค้าเงินฝากประมาณ 890,000 ราย ในจำนวนนี้ 58% เป็นลูกค้ามุสลิม หรือ 513,089 ราย และเป็นลูกค้าไม่ใช่มุสลิม 42 %หรือ 376,740 ราย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี