นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ กลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกยาสูบในพื้นที่ภาคเหนือได้เข้าพบเพื่อขอให้ กระทรวงการคลังออกมาตรการเยียวยา และบรรเทาผลกระทบจากการที่กรมสรรพสามิต มีแผนปรับอัตราการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตบุหรี่ขึ้น 40% ที่จะมีผลในเดือนตุลาคม 2563 ซึ่งเรื่องดังกล่าวได้มอบหมายให้ กรมสรรพสามิต เร่งหามาตรการและแนวทางในการช่วยเหลือเกษตรกรกลุ่มดังกล่าวที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากการปรับภาษีเพิ่มขึ้น และยังประสบปัญหากับภัยแล้งและการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 คาดว่าแนวทางดังกล่าวจะแล้วเสร็จภายในเดือนมิถุนายน 2563 เพื่อกำหนดกรอบการช่วยเหลือที่ชัดเจน ก่อนจะประกาศใช้อย่างเป็นทางการ
“ต้องยอมรับว่าเกษตรกรได้รับผลกระทบจากการที่ไทยต้องดำเนินตามเงื่อนไขขององค์การอนามัยโลก หรือ WHO โดยการปรับอัตราภาษีสรรพสามิตยาสูบ และบุหรี่ ซึ่งมีผลต่อโควต้าการรับซื้อใบยาสูบลดลง ดังนั้นเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรจำเป็นต้องหาแนวทางการส่งเสริมพืชทดแทนในการเพาะปลูก อาจมีความเป็นไปได้ในการส่งเสริมการเพาะปลูกกัญชาที่จะนำมาใช้ในทางการแพทย์ เนื่องจากมีโครงสร้างการเพาะปลูกและการรับซื้อใกล้เคียงกับใบยาสูบ ซึ่งเกษตรกรมีความเข้าใจ ทั้งการเพาะปลูกแบบระบบควบคุมอยู่แล้ว” นายสันติ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ความเป็นไปได้ในการส่งเสริมเกษตรกรเพาะปลูกใบยาสูบมาปลูกกัญชาทดแทนจะต้องมีการศึกษาในรายละเอียดข้อกฎหมายให้เกิดความชัดเจนมากยิ่งขึ้น ซึ่งเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงาน ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงสาธารณสุข องค์กรเภสัชกรรม ก่อนที่จะออกมาตรการส่งเสริมการเพาะปลูกพืชทดแทนให้กับเกษตรกรผู้ปลูกยาสูบทั่วประเทศต่อไป
มีรายงานแจ้งว่า ก่อนหน้านี้ผู้ประกอบการ ได้แก่ การยาสูบแห่งประเทศไทย (ยสท.) และเกษตรกรชาวไร่ยาสูบ คัดค้านไม่ต้องการให้ปรับขึ้นภาษีบุหรี่จาก 20% เป็น 40% เนื่องจากจะส่งผลกระทบต่อยอดขายบุหรี่อย่างรุนแรง และส่งผลให้เกษตรกรได้รับความเดือดร้อนจากการที่ ยสท. ลดการซื้อใบยาสูบลงตามยอดขายที่ลดลง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี