นายเสนธิป ศรีไพพรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารลูกค้าธุรกิจ ทีเอ็มบี หรือ ธนาคารทหารไทย เปิดเผยว่า เศรษฐกิจของประเทศไทยในปีนี้มีแนวโน้มชะลอตัวลง ซึ่งเป็นผลกระทบโดยตรงจากโควิด-19ธุรกิจจำนวนมากประสบปัญหาขาดสภาพคล่อง แบกรับภาระค่าใช้จ่าย หนี้ภาคครัวเรือนและหนี้ภาคธุรกิจสูงขึ้น ภาคธุรกิจขนาดใหญ่ของไทยมี 6,662 บริษัท คิดเป็น 58% ของสัดส่วนรายได้ต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ หรือ GDP ขณะที่ธุรกิจ SME มีผู้ประกอบการกว่า 3 ล้านรายจ้างงานสูงถึง 82% ของการจ้างงานทั่วประเทศ ทำให้ SME ได้รับผลกระทบโดยตรงต่อการมีงานทำและรายได้ของครัวเรือน การเร่งให้ความช่วยเหลือ SME จึงเป็นหนึ่งในหน้าที่หลักลำดับแรกของธนาคาร
ธนาคารได้ออกมาตรการให้ความช่วยเหลือ SME ที่ได้รับผลกระทบ ตั้งแต่ไตรมาสแรกที่เกิดวิกฤติโควิด-19 โดยความช่วยเหลือจะมี 2 รูปแบบได้แก่ 1.มาตรการช่วยเหลือภายใต้โปรแกรมซัพพลายเชน และ 2.มาตรการช่วยเหลือ SME โดยตรง เพื่อช่วยให้ทุกห่วงโซ่ซัพพลายเชนสามารถฟื้นตัวไปพร้อมๆ กัน
1.มาตรการช่วยเหลือภายใต้โปรแกรมซัพพลายเชน ทีเอ็มบีและธนชาต ในฐานะผู้นำแนวคิด Make REAL Change เชื่อว่าการเติบโตของเศรษฐกิจไทยจะยั่งยืน บริษัททุกขนาดต้องเติบโตไปพร้อมๆ กัน จึงให้ความสำคัญกับซัพพลายเชน โซลูชั่น มากว่า 10 ปี เริ่มต้นจากการให้แหล่งเงินทุนแก่เครือข่ายคู่ค้า ซึ่งก็คือ ธุรกิจขนาดกลางและเล็ก ปัจจุบันมีพันธมิตรรายใหญ่
ที่อยู่ภายใต้โปรแกรมซัพพลายเชน 100 รายซึ่งมีคู่ค้าธุรกิจ SME อีก 1,200 ราย ด้วยเหตุนี้ธนาคารจึงนำซัพพลายเชนมาช่วยเหลือ SMEโดยชวนพันธมิตรองค์กรรายใหญ่ให้มาช่วยเหลือคู่ค้ารายเล็ก
ธนาคารได้ช่วยเหลือลูกค้ากลุ่มธุรกิจในอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ทั้งอุตสาหกรรมอุปโภคบริโภค พลังงาน วัสดุก่อสร้าง และอุตสาหกรรมด้านการเกษตร ได้แก่ การให้ความช่วยเหลือคู่ค้า SME ของกลุ่มบุญรอดบริวเวอรี่ กลุ่ม ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก ผ่าน 2 มาตรการ มาตรการแรกเป็นการพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ยของคู่ค้า หรือ ดีลเลอร์ SME กว่า 400-500 ราย มูลค่ากว่า 6,000 ล้านบาท เพื่อให้มีเงินทุนหมุนเวียนประคองธุรกิจมาตรการที่สองคือ การให้เงินทุนหมุนเวียน (Soft Loan) เพิ่มเติมกับดีลเลอร์กว่า 60 ราย วงเงิน 150 ล้านบาท เพื่อให้คู่ค้า SME มีเงินทุนหมุนเวียนในการจ้างพนักงาน จ่ายค่าน้ำ-ค่าไฟ ค่าเช่า และอื่นๆ รวมถึงเอสซีจี ที่ธนาคารได้สนับสนุนด้านการเงินแก่ดีลเลอร์ด้วยดีมาโดยตลอด เป็นต้น
นอกจากนี้ ได้ร่วมมือกับกลุ่มมิตรผลช่วยเหลือแก่เกษตรกรภายใต้โครงการซัพพลายเชน โซลูชั่นที่ทำร่วมกัน โดยปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินส่งเสริมการปลูกอ้อย หรือที่เรียกว่า เกี๊ยวเงินอัตโนมัติ
เพื่อให้เกษตรกรมีเงินทุนนำไปซื้อปัจจัยการผลิตมาเพาะปลูก
2.มาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการ SME โดยตรง สำหรับโปรแกรมที่ธนาคารเข้าไปช่วยเหลือ SME โดยตรง ได้แก่ 1.โปรแกรมการพักชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยเป็นเวลา 6 เดือน 2.การให้เงินทุนหมุนเวียนเพื่อเพิ่มสภาพคล่องและรักษาการจ้างงานเช่น คอฟฟี่ บีนส์ บาย ดาว, ที.พี.ดรัก,สุบากิ ฟู้ด เซอร์วิส และ ส.ทวีภัณฑ์ เป็นต้น 3.มอบโปรโมชั่นพิเศษ ฟรีประกันโควิด-19 ให้แก่พนักงาน เมื่อ SME สมัครบริการ Smart Payroll จ่ายเงินเดือนพนักงานผ่านออนไลน์ และ 4.การจัดSME Knowledge Program ช่วยแนะนำให้คำปรึกษาแก่ SME เพื่อให้ ปรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจภายใต้ทิศทางเศรษฐกิจใหม่
“เชื่อมั่นว่าการจะก้าวข้ามสถานการณ์นี้ทุกบริษัทไม่ว่าจะใหญ่หรือเล็กต้องเดินไปพร้อมกัน ซึ่งการช่วยเหลือผ่านซัพพลายเชน โซลูชั่น จากกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่สู่รายเล็ก จะทำให้ SME ตั้งรับและปรับกลยุทธ์เชิงรุกให้ฟื้นตัวโดยเร็ว ซึ่งเป็นการช่วยทั้งระบบที่ได้ผลรวดเร็วและยั่งยืน สร้างความแข็งแกร่งให้ทั้งอุตสาหกรรม ส่งผลต่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศไทยได้ในเร็ววัน โดยธนาคารพร้อมสนับสนุนบริษัทคู่ค้าและพันธมิตร เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน” นายเสนธิป กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี