บริษัท แชฟฟ์เลอร์ แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด แจ้งข่าวว่า บริษัท แชฟฟ์เลอร์ แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด บริจาคอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล ได้แก่ ชุด PPE หน้ากาก N95 และเฟซชิลด์ (Face Shield) รวมทั้งหมด 319,395 บาท (สามแสนหนึ่งหมื่นเก้าพันสามร้อยเก้าสิบห้าบาทถ้วน) มอบให้โรงพยาบาล ทั้งในกรุงเทพฯ ชลบุรี และระยอง รวม 5 แห่ง

ได้แก่ โรงพยาบาลชลบุรีโรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา และโรงพยาบาลระยอง ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงงาน และที่อยู่ของพนักงานแชฟฟ์เลอร์ รวมถึงโรงพยาบาลศิริราช และโรงพยาบาลรามาธิบดีในกรุงเทพฯ เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุน และช่วยเหลือบุคลากรทางการแพทย์ที่ทำงานอย่างหนักในสถานการณ์ไวรัสโคโรนา หรือโควิด-19 ในประเทศไทย

นายทาคาชิ คาโดฮิโร ผู้จัดการประจำประเทศไทย และประธานฝ่ายยานยนต์ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้บริษัทแชฟฟ์เลอร์ แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “บริษัท แชฟฟ์เลอร์มุ่งเน้นการเติบโตแบบยั่งยืน ซึ่งเป็นหลักการหนึ่งของความรับผิดชอบต่อสังคมที่ยึดมั่นมาโดยตลอด บริษัทได้ริเริ่มกิจกรรม และมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดภายในโรงงาน รวมถึงการเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ และเพื่อบริการที่สะดวก โดยเน้นความปลอดภัยเป็นสำคัญเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นทั้งของพนักงาน ลูกค้า ผู้ผลิต และคู่ค้าซึ่งนี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของความช่วยเหลือและสนับสนุนที่บริษัท แชฟฟ์เลอร์ตั้งใจทำเพื่อชุมชนและภูมิภาคที่เราอยู่”

เกี่ยวกับแชฟฟ์เลอร์

กลุ่มแชฟฟ์เลอร์เป็นผู้จำหน่ายสินค้าด้านยานยนต์ และอุตสาหกรรมชั้นนำระดับโลก ด้วยการนำเสนอส่วนประกอบ และระบบที่มีความแม่นยำสูงในเครื่องยนต์ ระบบส่งกำลัง และตัวถังรวมถึงโซลูชั่นตลับลูกปืนแบบเม็ดกลม และแบบธรรมดาสำหรับการใช้งานในอุตสาหกรรมจำนวนมาก กลุ่มแชฟฟ์เลอร์ได้สร้างแนวคิด “การขับเคลื่อนเพื่ออนาคต” โดยมุ่งเน้นการพัฒนานวัตกรรม และเทคโนโลยีแบบยั่งยืนสำหรับการเคลื่อนที่ด้วยระบบไฟฟ้า ระบบดิจิทัล และอุตสาหกรรม 4.0 เทคโนโลยีของแชฟฟ์เลอร์สร้างยอดขายได้ประมาณ 14.4 พันล้านยูโร ในปี 2562 แชฟฟ์เลอร์เป็นหนึ่งในบริษัทครอบครัวที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีจำนวนพนักงานประมาณ 89,000 คนและมีสำนักงานสาขากว่า 170 แห่ง ในกว่า 50 ประเทศทั่วโลก ทั้งที่เป็นโรงงาน ศูนย์วิจัย และพัฒนา และสำนักงานขาย ด้วยการลงทะเบียนสิทธิบัตรมากกว่า 2,400 รายการ ในปี พ.ศ. 2562 แชฟฟ์เลอร์เป็นบริษัทที่มีนวัตกรรมมากที่สุดเป็นอันดับสองของประเทศเยอรมนีจากข้อมูลของสำนักงานสิทธิบัตร และเครื่องหมายการค้าเยอรมัน (DPMA)