อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ (ประเทศไทย) ร่วมกับสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย (EVAT) จัดเสวนาเพื่อเตรียมรับมือหลังวิกฤติโควิด-19 ในหัวข้อ “แนวโน้มและการปรับตัวอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าไทย หลังวิกฤติโควิด-19” โดยมีผู้บริหารและผู้ผลิตจากค่ายรถยนต์ร่วมแสดงมุมมองเกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย
นายกฤษฎา อุตตโมทย์ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารกิจการองค์กร บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย กล่าวว่า “โควิด-19น่าจะมีส่วนเป็นตัวเร่งให้ยานยนต์ไฟฟ้าเกิดได้เร็วขึ้น เพราะเดิมแต่ละบริษัทผู้ผลิตรถยนต์มีนโยบายเกี่ยวกับยานยนต์ไฟฟ้า และเตรียมจะเปิดตัวรถรุ่นใหม่ ซึ่งบีเอ็มดับเบิลยูมองว่าตลาดในกลุ่มรถยนต์ที่ใช้พลังงานสะอาดต้องขับเคลื่อนต่อ แม้ความต้องการของผู้บริโภครถยนต์ในภาพรวมจะลดลงในช่วงนี้ แต่เชื่อว่าการพัฒนาในด้านเทคโนโลยีใหม่ๆ ยังเป็นที่ต้องการของตลาด ที่จะมาพร้อมกับราคาที่สามารถเป็นเจ้าของได้ง่ายขึ้น ดังนั้น จึงเชื่อว่ายานยนต์ไฟฟ้า อาจจะมาเร็วกว่าแผนที่วางไว้ เช่นการเตรียมเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ในต่างประเทศช่วงปลายปีนี้ BMW iX3 ที่มีฐานการผลิตที่ประเทศจีน และหลังจากนี้ก็จะมีอีกหลายรุ่นที่จะตามมาเรื่อยๆ”
นายสมโภชน์ อาหุนัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA เปิดเผยว่า โควิด-19 อาจจะเป็นวิกฤติที่ช่วยสร้างโอกาสให้ประเทศไทย เพราะผู้ผลิตรถยนต์มีแนวโน้มปิดโรงงานบางแห่ง และอาจจะเลือกประเทศไทยเป็นฐานการผลิต เพราะมีตลาดในประเทศที่ใหญ่ และมีความได้เปรียบประเทศอื่นๆ ส่วนโควิด-19 มีผลกับยานยนต์ไฟฟ้าในไทยอย่างไรนั้น ในระยะสั้นมองว่าราคาน้ำมันที่ลดลงตอนนี้มีผลต่อการตัดสินใจของลูกค้า และอาจจะกระทบกับยานยนต์ไฟฟ้า เนื่องจากเดิมที่ได้เปรียบกว่าเพราะประหยัด แต่ในระยะยาวในช่วงที่เกิดโควิด-19 จะเห็นได้ชัดว่า PM2.5 มันหายไปทำให้เชื่อมั่นและเห็นความสำคัญว่ายานยนต์ไฟฟ้าเองจะเป็นตัวเร่งให้คนอยากใช้ยานยนต์ที่เป็นพลังงานสะอาดในระยะยาวที่เร็วขึ้น
“ปัจจุบันประเทศไทยมีจุดชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า หรือสถานีอัดประจุไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม โดยเฉพาะของ EA มีการติดตั้งมากกว่า 500 จุด รองรับทั้งในกรุงเทพฯ และหัวเมืองใหญ่ๆ ไม่ว่าจะเป็นพัทยา หัวหิน เขาใหญ่ พระนครศรีอยุธยา อีกทั้งภาครัฐได้สนับสนุนราคาสำหรับการขายไฟฟ้าให้กับผู้ประกอบการที่ค่อนข้างถูก”
นายสรรเพชญ ตั้งเสาวภาคย์ รองประธานสายงานวางแผนองค์กรและกลยุทธ์การตลาดและขาย บริษัท นิสสันมอเตอร์ ประเทศไทย เปิดเผยว่า “วิกฤติโควิด-19 ทำให้ตลาดรถยนต์ทั่วโลกชะลอตัว และนิสสันก็มีการปรับตัว ด้วยการประกาศแผนปิดโรงงานหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็นที่อินโดนีเซีย หรือสเปน แต่กลับกันสิ่งที่ดีกับประเทศไทย คือ โรงงานในไทยได้กลายเป็นฐานการผลิตในเอเชีย-โอเชียเนีย อย่างไรก็ตาม นิสสันยังคงมั่นใจว่า เทรนด์ของโลกยานยนต์ในอนาคตอันใกล้ ก็ต้องวิ่งไปหายานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งนิสสันก็มีการลงทุน ไม่ว่าจะเป็นรถอีวี อีพาวเวอร์ โดยภายใน 2-3 ปี ในตลาดโลกก็จะมีรถอีวีออกมาเพิ่มมากขึ้น ถ้าประเทศไหนโครงสร้างพื้นฐานอีวีพร้อม นิสสันก็จะไป แต่ถ้ายังไม่พร้อมก็จะเน้นเป็นอีพาวเวอร์ ส่วนการลงทุน ในไทยขึ้นอยู่กับโอกาส เพราะการทำธุรกิจต้องดูความคุ้มทุน และต้องประเมินว่าแนวโน้มเป็นอย่างไร จะผลิตหรือประกอบอะไรบ้าง คงต้องมาดูเรื่องนโยบายต่างๆ”
ดร.ยศพงษ์ ลออนวล นายกสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทยเปิดเผยว่า “เมื่อดูจากนโยบายของรัฐเกี่ยวกับยานยนต์ไฟฟ้า จะเห็นได้ว่ามีการส่งเสริมมาโดยตลอด อย่างนโยบายให้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้าในไทย รวมไปถึงแนวโน้มที่จะประกาศว่าภายในปี 2030 จะผลักดันให้เกิดการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าในสัดส่วน 30% ซึ่งถือว่าเป็นนิมิตหมายที่ดี และก็เชื่อว่าในปี 2025-2030 น่าจะเป็นช่วงยานยนต์ไฟฟ้าเติบโตอย่างมากเป็นไปตามกระแสโลก”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี