‘สภาวิชาชีพบัญชี’ กับการเลือกตั้งคณะกรรมการใหม่

“นักบัญชี” เป็นวิชาชีพที่ได้รับการยอมรับ เป็นผู้มีบทบาทสำคัญของภาคธุรกิจ มีหน้าที่ตรวจสอบ กำกับดูแล การเงินการทองขององค์กรต่างๆ ช่วยให้ผู้บริหารรับรู้สถานะกำไร ขาดทุน ตลอดจนความแข็งแกร่งของหน่วยงาน  วิชาชีพนี้จึงมีความสำคัญเช่นเดียวกับทุกๆวิชาชีพ

ปี พ.ศ.2491 กลุ่มผู้ประกอบวิชาชีพทางการบัญชีเพียงกลุ่มเล็กๆ ได้รวมตัวกันก่อตั้งเป็นสมาคม โดยมีเจตนารมย์ในการสร้างความเป็นปึกแผ่น และพัฒนาวิชาชีพบัญชีของประเทศ ให้เป็นที่ยอมรับทั้งในและต่างประเทศ กระทั่งประสบความสำเร็จ ในปี 2547  ได้รับการโปรดเกล้าฯ ให้เป็น “สภาวิชาชีพบัญชี”  สถาบันวิชาชีพทางการบัญชี เพื่อความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของผู้ประกอบวิชาชีพบัญชี และเพื่อยังประโยชน์แก่วิชาชีพบัญชีและนักบัญชีทุกคน โดยมีศาสตราจารย์เกษรี ณรงค์เดช เป็นนายกสภาวิชาชีพบัญชีคนแรก  กล่าวได้ว่าสภาวิชาชีพบัญชี มีอายุอานามถึง 16 ปีแล้ว ปัจจุบันเป็นแหล่งรวมของแวดวงคนบัญชีถึงกว่า 8 หมื่นคน กรรมการบริหารสภานี้จะมีการหมุนเวียนกันเป็นวาระคราวละ 3 ปี โดยคณะกรรมการชุดปัจจุบันกำลังจะหมดวาระลง และมีกำหนดเลือกตั้งคณะกรรมการสภาวิชาชีพบัญชีชุดใหม่ ในวันที่ 22 สิงหาคม 2563 นี้

อันที่จริง การเลือกตั้งกรรมการสภาวิชาชีพ ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร แต่ละครั้งมักมีการหาเสียงกันในระดับปกติ ด้วยสภาวิชาชีพนี้มีหน้าที่เพียง 1).บริหารกิจการของสภาวิชาชีพบัญชีให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ 2).กระทํากิจการที่อยู่ในอํานาจหน้าที่ของสภาวิชาชีพบัญชีตามพ.ร.บ. 3).เสนอร่างข้อบังคับสภาวิชาชีพบัญชีในกิจการต่างๆที่กําหนดไว้ในพ.ร.บ.ต่อที่ประชุมใหญ่สภาวิชาชีพบัญชี 4).จัดให้มีการประชุมใหญ่ และ5).ออกระเบียบเพื่อปฏิบัติการให้เป็นไปตาม พ.ร.บ. จึงไม่ใช่เรื่องที่มีผลประโยชน์ใดมากมายให้ต้องแย่งชิงเข้ามาเป็นคณะกรรมการสภา

ความที่นักบัญชี เป็นผู้ตรวจสอบ เป็นผู้ชาญฉลาดที่คอยกำกับดูแลตรวจสอบผู้อื่น บรรดาสมาชิกในสภาวิชาชีพนี้ถึงกับเอ่ยปากว่า การลงสมัครรับเลือกตั้งคณะกรรมการสภาในปีนี้ ดูแปลกไปหลังพบว่ามีการสาดโคลนใส่คู่แข่ง ผิดวิสัยของนักบัญชีที่หาเสียงกันด้วยการโชว์วิสัยทัศน์ เสนอมุมมองที่จะสร้างประโยชน์ให้เพื่อนร่วมอาชีพ ... บ้างก็ว่าเพราะปีนี้ทีมผู้ท้าชิงมีประสบการณ์ล้นเหลือ ด้วยเป็นทีมที่รวมมืออาชีพจากหน่วยงานชั้นนำของประเทศทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นซีพี ปูนซิเมนต์ไทย AIS ธ.กสิกรไทย ธรรมศาสตร์ จุฬาฯ และกรมสรรพากร จึงทำให้ทีมเดิมหวั่นไหวไม่น้อยและนำไปสู่วิธีการหาเสียงที่เปลี่ยนไป 

อย่างไรก็ตาม ในฐานะคนนอก คงได้แต่นั่งมองและบอกว่าอยากเห็นสภาวิชาชีพ แข่งขันกันในวิสัยที่ควรจะเป็น เพราะเชื่อว่าแต่ละคนที่สมัครเข้ามา ล้วนแต่เป็นผู้ที่พร้อมจะเสียสละเวลาเข้ามาช่วยบริหารจัดการให้วิชาชีพบัญชีมีมาตรฐานและมีแต่สิ่งดีๆให้เพื่อนร่วมอาชีพทั้งนั้น ... เป็นนักบัญชีอยู่ดีๆ อย่าหาเรื่องไปเป็นนักการเมืองเลย