นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออก 1 (กลุ่มจังหวัดอีอีซี) ประกอบด้วยฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยอง ว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) สัญจร ที่ จ.ระยอง และจ.จันทบุรี ระหว่างวันที่ 24-25 สิงหาคม 2563 นี้ ทางกระทรวงอุตสาหกรรม เตรียมรายงานภาวะอุตสาหกรรมยานยนต์ภาพรวมที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 แม้ว่าจะมีการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์แต่เศรษฐกิจยังคงชะลอตัว
ทั้งนี้เพื่อเป็นการกระตุ้นแรงซื้อเพิ่มขึ้น จึงจะเสนอครม.สัญจร ให้พิจารณามาตรการลดหย่อนภาษีเงินได้ให้กับผู้ซื้อรถยนต์ใหม่ หรือมาตรการอื่นๆ ในการสนับสนุนเพื่อรักษาฐานการผลิตรถยนต์ในไทยและรองรับสัญญาณแนวโน้มที่คาดว่าอุตสาหกรรมยานยนต์ภาพรวมจะเริ่มฟื้นตัวในปี 2564
นายสุริยะกล่าวว่า นอกจากนี้จะเสนอให้ที่ประชุมพิจารณาอนุมัติ โครงการสมาร์ทปาร์ค ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จ.ระยอง เพื่อสามารถดำเนินก่อสร้างได้ในไตรมาส 2 ปี 2564 ซึ่งจะสามารถจ้างงานได้ 7,459 คน และส่งผลให้มีเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจในพื้นที่ประมาณ 1.34 พันล้านต่อปี โดยมีมูลค่าการลงทุนระยะแรกประมาณ 2.48 พันล้านบาท เพื่อมุ่งเน้นการเป็นนิคมอุตสาหกรรมต้นแบบในการพัฒนาสมาร์ทอีโค และเป็นศูนย์กลางทางพาณิชย์ของชุมชนที่ทันสมัย
สำหรับการลงพื้นที่ครั้งนี้ได้เข้าเยี่ยมชมศูนย์การผลิตของ บริษัทมิตซูบิชิ มอเตอร์สประเทศไทย ในนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบังซึ่งมีแผนจะผลิตรถมิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี ที่เป็นรถยนต์ไฟฟ้าประเภทปลั๊กอินไฮบริดที่ผลิตนอกญี่ปุ่นครั้งแรกซึ่งคาดว่าจะเปิดตัวในสิ้นปีนี้หรือต้นปีหน้า โดยได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ) ซึ่งมีกฎเกณฑ์บางอย่างที่เกี่ยวกับบีโอไอที่ทางมิตซูบิชิฯจะขอปรับเปลี่ยน ดังนั้นจะนำเสนอครม.ครั้งนี้เพื่อพิจารณาว่าจะช่วยเหลืออย่างไร
“มิตซูบิชิฯมองว่าปี 2564 ตลาดรถยนต์จะเริ่มกลับมาฟื้นตัว จึงได้มีแผนลงทุนไว้ตั้งแต่ปี 2564 เป็นต้นไป 20,000 ล้านบาททั้งโรงพ่นสี 7,500 ล้านบาท และโครงการพัฒนายานยนต์ไฟฟ้าทั้งระบบอีก 1.3 หมื่นล้านบาท และก่อนหน้านี้ก็ได้หารือกับ ประธานบริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) ที่เลือกฐานการผลิตเพื่อส่งออกไว้ที่ไทยเพียงแห่งเดียว เช่นเดียวกับ จีเอ็ม ที่เกรท วอล มอเตอร์ส ก็จะเริ่มผลิตได้ต้นปีหน้าก็จะเห็นว่าสัญญาณเริ่มฟื้น”นายสุริยะ กล่าว
ส่วนความคืบหน้าการโครงการลงทุนก่อสร้างโรงงานปิโตรเคมีขนาดใหญ่ของบริษัท เอ็กซอนโมบิล จำกัด ที่มีมูลค่าลงทุนประมาณ 3 แสนล้านบาท ในพื้นที่ อ.แหลมฉบังจ.ชลบุรี ซึ่งอยู่ในเขตอีอีซีนั้น ล่าสุดทางบริษัทเอ็กซอนโมบิล ได้แจ้งขอชะลอโครงการออกไปก่อนจนกว่าเศรษฐกิจจะดีขึ้น ทำให้กระทรวงอุตสาหกรรมชะลอการพิจารณาพื้นที่ถมทะเลเพื่อเป็นพื้นที่รองรับการลงทุนออกไป และให้มองหาพื้นที่รองรับอุตสาหกรรมแห่งอนาคตที่เป็นพื้นที่อื่นที่มีผลกระทบสิ่งแวดล้อมน้อยสุดเพื่อรองรับการลงทุนอุตสาหกรรมเป้าหมายแทน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี