ศาลล้มละลายกลาง ไฟเขียวบินไทยฟื้นฟูกิจการ ระบุมีชื่อเสียง ประสบการณ์ ประกอบกิจการมานานปัจจุบันมีความสามารถในการสร้างรายได้ มีโอกาสชำระหนี้ได้ทั้งยังเป็นเรื่องจำเป็นต่อระบบคมนาคมการขนส่งทางอากาศ พร้อมตั้ง บริษัทอีวาย คอร์ปอเรทฯ ร่วม พล.อ.อ.ชัยพฤกษ์ ดิษยะริน อดีตผบ.ทอ.-พีระพันธุ์-บุญทักษ์-ปิยสวัสดิ์-จักรกฤศฏิ์-ชาญศิลป์ ร่วมทำเเผน ในขณะที่ ดีดีเจ้าจำปี เดินหน้าเคลียร์เจ้าหนี้ พร้อมคืนค่าตั้วโดยสาร ทั้งเปิดทางให้ใช้บริการไทยสมาย
เมื่อวัน 14 กันยายน ที่ศาลล้มละลายกลาง ศูนย์ราชการ ถนนเเจ้งวัฒนะ ศาลนัดฟังคำสั่งคดีหมายเลขดำที่ ฟฟ10/2563ระหว่าง บริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะลูกหนี้ผู้ยื่นคำร้องร้องขอฟื้นฟูกิจการ กับเจ้าหนี้ผู้คัดค้านซึ่งศาลมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการของบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) ลูกหนี้ผู้ร้องขอ โดยตั้งบริษัท อีวาย คอร์ปอเรท แอดไวซอรี่ เซอร์วิสเซส จำกัด ร่วมกับพล.อ.อ.ชัยพฤกษ์ ดิษยะศริน อดีตผบ.ทอ. ,นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ,นายบุญทักษ์ หวังเจริญ ,นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ ,นายจักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล และนายชาญศิลป์ ตรีนุชกร เป็น ผู้ทำแผน
โดยศาลเห็นว่า โครงสร้างธุรกิจของลูกหนี้เป็นธุรกิจที่มีศักยภาพในการสร้างรายได้ และมีความจำเป็นต่อระบบการคมนาคมและขนส่งทางอากาศ ลูกหนี้มี ทรัพยากรในการดำเนินธุรกิจที่มีมูลค่าและบุคลากรที่มีความ เชี่ยวชาญ รวมทั้งมีชื่อเสียงและประสบการณ์จากการประกอบกิจการมานาน ปัจจุบันลูกหนี้ยังคงมีความสามารถในการสร้างรายได้ สาเหตุ ที่ทำให้ลูกหนี้ประสบปัญหาทางการเงิน มิได้เกิดจากพื้นฐานธุรกิจของ ลูกหนี้อย่างแท้จริง แต่เกิดจากสภาพการแข่งขันในอุตสาหกรรมการ บินที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะผลกระทบจากการแพร่ ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ที่เกิดขึ้น อย่างรุนแรง ซึ่งเป็นเหตุปัจจัยภายนอก ทำให้การประกอบกิจการการ บินพาณิชย์ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของลูกหนี้และธุรกิจอื่นที่เกี่ยวข้องต้องลด การให้บริการลงอย่างฉับพลัน เช่นเดียวกับอุตสาหกรรมการบินใน ต่างประเทศหากลูกหนี้ไม่ได้รับการฟื้นฟูกิจการกรณีย่อมเกิดความ เสียหายต่อลูกหนี้ เจ้าหนี้ทั้งหลาย ลูกจ้าง ผู้ลงทุนในกิจการของลูกหนี้ ประชาชน และกระทบต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ
มีประโยชน์กว่าให้ล้มละลาย
ส่วนช่องทางการฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้นั้น เจ้าหนี้ผู้ให้เช่าหรือผู้ ให้เช่าซื้อเครื่องบินหลายรายสนับสนุนให้ลูกหนี้เข้าสู่กระบวนการ ฟื้นฟูกิจการ และยินยอมให้ลูกหนี้ใช้เครื่องบินที่ให้เช่าหรือให้เช่าซื้อโดยพักหรือขยายระยะเวลาการชำระหนี้บางส่วน เพื่อสนับสนุนให้ ธุรกิจของลูกหนี้ดำเนินต่อไปได้ อีกทั้งลูกหนี้ยังมีหนังสือสนับสนุนการ เข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการและไม่ประสงค์คัดค้านคณะผู้ทำแผนที่ ลูกหนี้เสนอมาแสดงเป็นหลักฐานยืนยันว่า ลูกหนี้ได้เจรจาประนอมหนี้ เรื่อยมาและได้รับการสนับสนุนจากเจ้าหนี้ ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหนี้สถาบันการเงินทั้งในประเทศและต่างประเทศ ผู้ให้เช่าและให้เช่าซื้อเครื่องบิน ผู้ให้บริการด้านอากาศยาน สายการบินคู่ค้า ผู้ถือหุ้นกู้รายใหญ่และหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการประกอบธุรกิจของลูกหนี้ ทำให้ข้อกล่าวอ้างของลูกหนี้มีน้ำหนักดังนี้ หากได้มีการปรับปรุงโครงสร้างหนี้โครงสร้างองค์กร และ การบริหารจัดการของลูกหนี้ในกระบวนการฟื้นฟูกิจการ เพื่อให้สอดคล้องกับความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดในอนาคตตาม ความเหมาะสมภายใต้แผนฟื้นฟูกิจการตามพระราชบัญญัติล้มละลายฯ ลูกหนี้ย่อมมีโอกาสดำเนินธุรกิจต่อไป และมีรายได้สามารถชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้อย่างเป็นธรรมในจำนวนที่ดีขึ้นกว่าเดิมหรือ อย่างน้อยจะไม่ได้รับความเสียหายเพิ่มเติมจากการคงสภาพกิจการ ของลูกหนี้ไว้ ทั้งสามารถรักษาการจ้างงานจำนวนมาก ซึ่งเป็น ประโยชน์มากกว่าการปล่อยให้กิจการของลูกหนี้ต้องล้มละลายข้อเท็จจริงจึงฟังได้ว่า มีเหตุอันสมควรและมีช่องทางที่จะฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ได้
เดินหน้าทำแผนฟื้นฟู
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังศาลชี้ขาดในประเด็นของการบินไทย แล้วนายชาญศิลป์ ตรีนุชกร กรรมการบริษัท และรักษาการแทนกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ให้สัมภาษณ์ว่าหลังจากนี้คณะผู้ทำแผนจะดำเนินการจัดทำแผนฟื้นฟูกิจการและจะใช้เวลาโดยเร็วที่สุด ซึ่งคาดว่าทางการบินไทยจะสามารถนำเสนอแผนฟื้นฟูกิจการต่อศาลได้ภายในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ โดยเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะจัดประชุมเจ้าหนี้เพื่อพิจารณาแผนฟื้นฟูกิจการของการบินไทยประมาณต้นปี 2564 ศาลจะมีคำสั่งเห็นชอบด้วยแผนและแต่งตั้งผู้บริหารแผนภายในไตรมาสที่ 1 ของปี 2564 และการบินไทยจะดำเนินการตามแผนฟื้นฟูกิจการต่อไป
แจ้งผลต่อกรมบังคับคดี
ทั้งนี้ในส่วนของเจ้าหนี้ทางกรมบังคับคดีจะดำเนินการแจ้งเจ้าหนี้ทั้งหลายให้ทราบถึงคำสั่งศาล โดยเจ้าหนี้จะต้องยื่นคำขอรับชำระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ กรมบังคับคดี เพื่อไม่ให้เสียสิทธิที่จะได้รับชำระหนี้คืน โดยการยื่นคำขอรับชำระหนี้มีกำหนดระยะเวลาตามกฎหมายภายใน 1 เดือนนับแต่วันที่มีการประกาศคำสั่งตั้งผู้ทำแผนลงในราชกิจจานุเบกษา ซึ่งขณะนี้ที่ศาลมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการและตั้งผู้ทำแผนแล้ว เจ้าหนี้สามารถยื่นคำขอรับชำระหนี้ได้เลยทางออนไลน์จนถึง 1 เดือนนับแต่ที่คำสั่งศาลได้ประกาศลงราชกิจจานุเบกษา ซึ่งการบินไทยร่วมกับกรมบังคับคดีได้พยายามอย่างเต็มที่ที่จะอำนวยความสะดวกให้กับเจ้าหนี้ของการบินไทยในการยื่นคำขอรับชำระหนี้ โดยเจ้าหนี้สามารถลงทะเบียนเพื่อยื่นคำขอรับชำระหนี้ผ่านระบบออนไลน์ได้ด้วยตนเองที่บ้านผ่านทางเว็บไซต์ http://www.led.go.th/tgreorg/index.asp หรือ QR Code อย่างไรก็ตามหากเจ้าหนี้ท่านใดไม่สะดวกยื่นคำขอรับชำระหนี้ผ่านระบบออนไลน์ด้วยตนเอง ก็สามารถนำเอกสารมายื่นขอรับชำระหนี้ที่จุดบริการที่หน่วยงานต่าง ๆ จะได้อำนวยความสะดวก 4 หน่วยงาน ได้แก่ 1. บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) สำนักงานใหญ่ ถนนวิภาวดีรังสิต อาคาร 1 ชั้น 1 2 เริ่มวันที่ 23 กันยายนนี้ , กรมบังคับคดี ถนนบางขุนนนท์, สำนักงานบังคับคดีทั่วประเทศ, ศูนย์บังคับคดีล้มละลายส่วนหน้า (ศูนย์ราชการฯ ถนนแจ้งวัฒนะ อาคารเอ ชั้น 1) 3. สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) (สำหรับหุ้นกู้) และ4. ชุมนุมสหกรณ์ออมทรัพย์แห่งประเทศไทย ถนนนครอินทร์ (สำหรับหุ้นกู้กลุ่มสหกรณ์)
พร้อมคืนค่าบัตรโดยสาร
นอกจากนี้ ในส่วนของเจ้าหนี้หุ้นกู้นั้น การบินไทยร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้เปิดเว็บไซต์ให้ผู้ถือหุ้นกู้ของการบินไทยสามารถตรวจสอบจำนวนหนี้หุ้นกู้ได้ที่ www.tgbondinfo.com สำหรับลูกค้าที่ได้แสดงความประสงค์ขอคืนเงินค่าบัตรโดยสาร (Refund) ของการบินไทยนั้น ถือเป็นเจ้าหนี้ในหนี้เงินที่มีสิทธิยื่นขอรับชำระหนี้ได้ อย่างไรก็ดีคณะผู้ทำแผนจะจัดทำแผนฟื้นฟูกิจการที่ครอบคลุมและรองรับสิทธิของลูกค้าที่ได้แสดงความประสงค์ขอคืนเงินค่าบัตรโดยสาร (Refund) ก่อนวันที่ศาลมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการไว้ ซึ่งการกำหนดสิทธิของลูกค้าไว้ในแผนตามที่คณะผู้ทำแผนของการบินไทยจะจัดทำเป็นกรณีที่กฎหมายยกเว้นให้เจ้าหนี้ที่ได้รับการระบุไว้ในแผนฟื้นฟูกิจการ โดยลูกค้าที่ขอคืนค่าบัตรโดยสาร (Refund) จะได้รับชำระหนี้ตามข้อกำหนดของแผนฟื้นฟูกิจการโดยไม่ต้องยื่นคำขอรับชำระหนี้ก็ได้ อย่างไรก็ตาทการบินไทยมีนโยบายดูแลลูกค้าในระหว่างที่ไม่สามารถคืนเงิน (refund) ได้ชั่วคราว
เปลี่ยนเป็น Travel Voucher ได้
โดยลูกค้าท่านที่ขอคืนค่าบัตรโดยสารแล้ว แต่ยังให้ความไว้วางใจและประสงค์กลับมาเป็นลูกค้าของการบินไทย ก็สามารถขอเปลี่ยนหนี้ค่าบัตรโดยสารเป็น Travel Voucher ได้ ซึ่งจะมีอายุถึง 31 ธันวาคม 2565 ลูกค้าสามารถนำ Travel Voucher มาใช้แทนเงินสดในการออกบัตรโดยสารของการบินไทยหรือไทยสมายล์ได้ ตามแผนการบินของบริษัททั้งสอง ลูกค้าที่สนใจสามารถติดต่อการบินไทยทาง Call Center โทร 02 356 1111 หรือ อีเมลไปยัง contact@service.thaiairways.com หรือ ติดต่อสำนักงานบัตรโดยสารการบินไทย สำนักงานใหญ่และสำนักงานหลานหลวง ระหว่างวันจันทร์-ศุกร์ ตั้งแต่เวลา 08.00 - 17.00 น. หากลูกค้าออกบัตรโดยสารที่สำนักงานต่างประเทศ ก็สามารถติดต่อสำนักงานที่ออกบัตรโดยสารได้โดยตรงเช่นกัน แต่หากลูกค้าประสงค์จะขอรับเป็นเงินคืน (Refund) ก็จะต้องเป็นไปตามข้อกำหนดของแผนฟื้นฟูกิจการ ซึ่งมีข้อจำกัดด้านเวลาและกระบวนการ ทำให้การบินไทยยังไม่สามารถคืนเงินให้แก่ลูกค้าได้โดยเร็ว
ย้ายไปบินไทยสมายล์ก็ได้
ในส่วนของเจ้าหนี้ที่ไม่จำเป็นต้องยื่นคำขอรับชำระหนี้หรือดำเนินการทางกฎหมายใดๆ ในส่วนของลูกค้าผู้ถือบัตรโดยสารของการบินไทย ที่ยังไม่ได้เดินทาง และยังไม่ได้ดำเนินการขอคืนค่าบัตรโดยสาร (Unused Ticket) นั้นไม่จำเป็นต้องยื่นขอรับชำระหนี้ในกระบวนการฟื้นฟูกิจการ ลูกค้ายังคงมีสิทธิใช้บัตรโดยสารของการบินไทยได้เมื่อการบินไทยกลับมาประกอบธุรกิจได้ตามปกติและให้บริการด้านการบินได้อย่างเต็มรูปแบบ โดยไม่ต้องยื่นคำขอรับชำระหนี้หรือดำเนินการทางกฎหมายใดๆ และลูกค้าสามารถเก็บบัตรโดยสารไว้ใช้เดินทางกับการบินไทยหรือไทยสมายล์ หรือจะแลกเป็น Travel Voucher ก็ได้ โดยลูกค้าสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมทางเว็บไซต์ของการบินไทย thaiairways.com รวมทั้งเรื่องโปรแกรมสะสมไมล์ Royal Orchid Plus (ROP)
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี