เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2563 นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวถึงค่าเงินบาทที่แข็งแตะ 30 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ว่า ธปท.มีความกังวลเรื่องค่าเงินบาทที่แข็งค่าเร็ว ซึ่งในช่วงเวลานี้ผู้ส่งออกได้รับผลกระทบค่อนข้างมากจากสภาวะของโลกที่หยุดชะงัก นอกจากนี้ยังส่งผลต่อการจ้างงาน และยังส่งผลถึงคุณภาพของสินเชื่อต่างๆ ตามมา
สำหรับการแข็งค่าของเงินบาทในรอบนี้มาค่อนข้างเร็ว มาจากปัจจัยหลักเกี่ยวกับการพัฒนาวัคซีนรักษาโรคไวรัสโควิด-19 ทำให้ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นมาก เนื่องจากถ้ามีการพัฒนาวัคซีนออกมาแล้ว จะทำให้ภาคการท่องเที่ยวฟื้นตัวกลับมาทำให้มีเงินสะพัดของไทยกลับมาเกินดุลมากยิ่งขึ้น ทำให้คาดการณ์กันไปว่าค่าเงินบาทจะกลับมาแข็งค่า
ทั้งนี้การป้องกันไวรัสโควิดคือทุกคนต้องได้รับการฉีดวัคซีน ซึ่งถ้าวัคซีนมาช้า และจะมาถึงไทยหรือเปล่า แต่ข่าวออกมาแล้วว่าการพัฒนาวัคซีนสำเร็จส่งผลให้ค่าเงินแข็ง แต่เวลานี้นักท่องเที่ยวยังไม่เดินทางมา ซึ่งเป็นการซ้ำเติมปัญหาว่าการฟื้นตัวเศรษฐกิจของเรา ซึ่งเป็นที่มาของที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายทางการเงินได้ให้ความสำคัญ ปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนการพิจารณานโยบาย มาตรการที่เหมาะสมในการดูแลค่าเงิน ต้องดูในภาพรวม ดูผลข้างเคียงต่างๆ เป็นสำคัญด้วย
นายเศรษฐพุฒิ ย้ำว่า ธปท.ไม่ได้นิ่งนอนใจที่จะออกมาตรการต่างๆเพื่อคอยดูแลค่าเงินบาท ซึ่งในช่วงเวลาที่ผ่านมา เรื่องค่าเงินแข็ง ธปท.ได้มีการลดดอกเบี้ย ปัจจุบันนี้อยู่ที่ 0.5% ต่ำที่สุดในประวัติการณ์ และเป็นดอกเบี้ยที่ต่ำที่สุดในภูมิภาค นอกจากนี้ ธปท. ยังได้ดูแลค่าเงินบาท ซึ่งในช่วงเวลา 5 ปีที่ผ่านมา ทำให้ทุนสำรองระหว่างประเทศของไทยเพิ่มขึ้น 1 แสนล้านเหรียญ ซึ่งการที่ ธปท. เข้าไปซื้อเงินดอลลาร์เพื่อชะลอการแข็งค่าของค่าเงินบาทของไทย
ทั้งนี้ในวันดังกล่าวนายเศรษฐพุฒิ ร่วมงานสัมมนาก้าวขึ้นสู่ปีที่ 10 สำนักข่าวออนไลน์ไทยพับลิก้า ภายใต้หัวข้อ“Facing the of ESG. Thailand’s Nest Steps toward Susstainability : ESG อนาคตประเทศไทยสู่ความยั่งยืน” โดยได้กล่าวในหัวข้อ“ESG : Empowering Sustainable Thailand’s Growth ว่า ประเทศไทยที่ผ่านมามีอัตราการเติบโตแบบไม่ได้คำนึงถึง
ESG(Environment-Social-Governance)มากนัก เน้นเรื่องการเติบโตระยะสั้นเป็นหลัก
พร้อมยกตัวอย่างเรื่องของการท่องเที่ยวเน้นตัวเลข เน้นจำนวนนักท่องเที่ยว ซึ่งไม่ได้มองถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม (Environment)นอกจากนี้ที่ผ่านมาประเทศไทยเป็นประเทศที่บริหารจัดการการใช้พลังงานที่ต่ำมาก ส่งผลให้อุณหภูมิโลกสูงขึ้น และส่งผลกระทบต่อภาคการเกษตร เช่นในปี 2554 น้ำท่วม ในปี 2555-2556 เปลี่ยนมาเป็นภัยแล้ง ส่วนของด้านโซเชียล(Social) เราเน้นระยะสั้น เช่น การกู้ยืมเงินทำให้ตัวเลขดี แต่ไม่ได้คำนึงถึงผลในระยะยาวทำให้เกิดหนี้ครัวเรือนที่เพิ่มสูง
ทั้งนี้ภาคเอกชนให้เริ่มทำเรื่อง ESG ได้เลยโดยไม่ต้องรอภาครัฐหรือหน่วยงานกำกับดูแลเป็นตัวหลัก เพราะภาคเอกชนไทยมีศักยภาพมากกว่าและมีข้อมูลพื้นฐานและรอบด้านที่ครบถ้วนกว่า เพราะหลายครั้งเมื่อเกิดปัญหาการที่ภาครัฐเข้าไป อาจไม่ใช่การแก้ปัญหาแต่เป็นการเพิ่มปัญหา
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี