เมื่อวันที่ 5 มกราคม 2564 สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.)กระทรวงพาณิชย์ แถลงดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป หรือเงินเฟ้อ
นางสาวพิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสนค. กล่าวว่า เงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยทั้งปี 2563 ปรับตัวลดลง 0.85% ซึ่งเป็นไปตามที่กระทรวงพาณิชย์คาดการณ์ไว้ที่ -1.5 ถึง -0.7 และเงินเฟ้อพื้นฐาน (ไม่รวมอาหารสดและพลังงาน) สูงขึ้น 0.29% ทั้งนี้ โดยมีปัจจัยลบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่กระจายไปทั่วโลกส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจ และอุปสงค์ชะลอตัวลงโดยเฉพาะน้ำมันเชื้อเพลิง ที่ปรับลดลงตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก รวมถึงมาตรการช่วยเหลือของภาครัฐส่งผลให้ราคาสินค้าและค่าสาธารณูปโภคลดลง
นอกจากนี้ หมวดการบันเทิงการอ่านและการศึกษา โดยเฉพาะค่าทัศนาจรต่างประเทศและค่าห้องพักโรงแรมปรับลดลง จากการจำกัดการเดินทาง
และการท่องเที่ยว สำหรับปัจจัยบวกที่ส่งผลต่อเงินเฟ้อ ได้แก่ หมวดอาหารสด โดยเฉพาะผัก ซึ่งราคาสอดคล้องกับผลผลิตที่ได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติ ขณะที่เครื่องประกอบอาหาร เครื่องดื่ม
ไม่มีแอลกอฮอล์ และอาหารบริโภคในบ้าน-นอกบ้าน ปรับสูงขึ้นเล็กน้อย ส่วนหมวดอื่นๆ เคลื่อนไหวในทิศทางปกติชี้ว่าสถานการณ์ด้านราคาสินค้าและบริการของประเทศตลอดทั้งปี 2563 ยังอยู่ในระดับที่มีเสถียรภาพ เคลื่อนไหวในทิศทางปกติ
“เงินเฟ้อทั้งปี 2563 ติดลบต่อเนื่อง 10 เดือน เข้าข่ายเป็นเงินฝืดในทางทฤษฎี แต่ในความเป็นจริงไม่ได้เป็นเงินฝืด เพราะในเชิงเศรษฐกิจ สินค้าและบริการส่วนใหญ่ยังมีราคาสูงขึ้น แต่ถูกฉุดโดยราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง แม้จะเริ่มฟื้นตัวในช่วงปลายปี และยังได้ผลดีจากมาตรการรัฐ ที่ดูแลทั้งราคาสินค้า ค่าสาธารณูปโภค ทำให้ไม่มีการปรับขึ้นราคา” น.ส.พิมพ์ชนกกล่าว
ส่วนดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนธันวาคม 2563 เพิ่มขึ้น 0.15% เมื่อเทียบกับเดือนพฤศจิกายน 2563และลดลง 0.27% เมื่อเทียบกับเดือนธันวาคม 2562 ถือเป็นการปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกันและหดตัวน้อยสุดในรอบ 10 เดือน นับจากมีนาคม 2563 โดยเป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของสินค้ากลุ่มอาหารสด โดยเฉพาะผัก ผลไม้ เนื้อสัตว์ กำลังซื้อของเกษตรกรดีขึ้น จากราคาสินค้าเกษตรที่สูงขึ้นทำให้มีการใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ขณะที่กลุ่มพลังงานยังเป็นตัวฉุด แม้ราคาจะลดลงไม่มาก แต่ก็ลดอยู่ และยังได้ผลดีจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐ ทั้งคนละครึ่ง ช้อปดีมีคืน เราเที่ยวด้วยกันที่มีส่วนกระตุ้นการบริโภค
ส่วนแนวโน้มเงินเฟ้อในปี 2564 คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 รอบใหม่ที่จะส่งผลกระทบทำให้การบริโภคชะลอตัว แต่ราคาสินค้ายังเป็นปกติ ไม่มีการกักตุนสินค้า อาจจะมีปัญหาเรื่องการขนส่งบ้างในบางพื้นที่ และราคาน้ำมันคาดว่าจะยังทรงตัว โดยประเมินเงินเฟ้อไตรมาสแรก จะติดลบไม่เกิน 0.5% แต่ไตรมาส 2 ,3 และ 4 จะกลับมาเป็นบวกได้ ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ รัฐบาลมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่อง การส่งออกดีขึ้น การมีวัคซีน และการเพิ่มขึ้นของราคาพลังงาน ส่งผลให้คาดการณ์เงินเฟ้อทั้งปีบวก0.7–1.7% มีค่ากลางอยู่ที่ 1.2%
ทั้งนี้ เป้าหมายเงินเฟ้อในปี 2564 มีสมมุติฐานจากอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ(จีดีพี) อยู่ที่ 3.5-4.5% น้ำมันดิบดูไบอยู่ที่ 40-50 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และอัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ 30-32 บาทต่อเหรียญสหรัฐ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี