"NT"วุ่นไม่เลิก! ลูกค้าโวยจ่ายค่าโทร-เน็ตที่ศูนย์ CAT ไม่ได้ ต้องไปจ่ายที่ศูนย์ TOT สับสน-ร้องเรียนจ้าละหวั่น
แหล่งข่าวจากบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ (NT) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ผลกระทบในการควบรวมการจัดโครงสร้างองค์กรของ บริษัท NT ส่งผลกระทบโดยตรงต่อลูกค้า ความพร้อมในการให้บริการที่ศูนย์บริการลูกค้า ปัจจุบันศูนย์บริการลูกค้า TOT เดิมมีจำนวน 412 ศูนย์บริการลูกค้า CAT มีจำนวน 123 แต่มีศูนย์บริการที่ให้บริการลูกค้าในนาม NT ได้มีเพียง 11 ศูนย์บริการ แสดงถึงความไม่พร้อมการควบรวม ความสับสนย่อมส่งไปยังลูกค้าเนื่องจากป้ายศูนย์ถูกเปลี่ยนเป็น NT ทั้งหมด
แต่ในขณะเดียวกัน ให้บริการในรูปแบบ NT ยังไม่ได้ ต้องขอให้ลูกค้าไปใช้บริการที่ศูนย์บริการเดิมของตนเอง ลูกค้าเกิดความไม่พึงพอใจและส่งผลให้เกิดการร้องเรียนในที่สุด โดยลูกค้ายังสับสนในการชำระค่าบริการ ที่สามารถชำระที่ศูนย์บริการทีโอทีได้ แต่ไม่สามารถชำระที่ศูนย์บริการของ CAT ขณะที่ระบบไอทีสนับสนุนการให้บริการลูกค้ารวมถึงระบบฐานข้อมูลลูกค้ายังคงแยกกัน ไม่สามารถรวมกันได้จนกว่าไตรมาส 3 ปี 2566 (ตามแผนการควบรวมของที่ปรึกษา)
ทั้งนี้ ทำให้เกิดปัญหาในการดึงข้อมูลลูกค้ามาเพื่อให้บริการผิดพลาด ทั้งเรื่องการชำระเงิน และการออกใบเสร็จรับเงินให้ลูกค้า ไม่สามารถชำระเงินของลูกค้าอีกฝั่งได้ ต้องขอให้ลูกค้าไปใช้บริการที่ศูนย์เดิมของตนเอง แม้ว่ามีการอ้างถึงการทำระบบ Call Data ในศูนย์นำร่องจำนวนเพียง 11 แห่ง เพื่อใช้ดึงข้อมูลลูกค้าอีกฝั่งขึ้นมา แต่ความเร่งรีบ ขาดการซักซ้อม ทดสอบ ทำให้เกิดปัญหาไม่ส่งข้อมูลตามที่ตกลงกัน การออกใบแจ้งหนี้ การรวมบิลในใบเดียว สำหรับลูกค้าที่ใช้บริการทั้ง CAT และ TOT ยังไม่เคยมีการพิจารณาร่วมกันของ 2 หน่วยงาน เนื่องจากระบบ IT ลูกค้ายังคงแยกกันจนถึงปี 2566 ความสับสน ผิดพลาดจึงจะเกิดกับลูกค้าโดยตรง
"ตอนนี้ลูกค้าสับสนเป็นอย่างมาก ทำไมจ่ายที่แคทไม่ได้ บางรายบอกว่าหนีมาจากเน็ตทีโอที มาใช้แคท แล้วจะยังไง คุยข้ามสายงานก็ไม่ได้ ต้องมีการสั่งการมาจากรองสายงานแต่ละรองครับ ตอนนี้หนังสือบันทึกของทาง NT1 บางฉบับไปถึง กจญ.กว่าจะถึง ต้องผ่านประมา 30hop กว่าจะถึง กจญ.น่าจะมีเป็นเดือนหรือป่าว เอกสารถึงจะไปถึง กจญ.ได้ ถ้าเป็นทาง Network ttl ก็คงจะทิ้งแพคเก็จไปแล้ว"
ขณะเดียวกันการจัดโครงสร้างองค์กรของบริษัท NT ไม่ได้แก้ไขปัญหาที่ทับซ้อนกัน เป็นการรวมโครงสร้าง แบบจับรวมแนวดิ่งและแนวขวาง พิจารณาเพียงแค่ผู้บริหารระดับสูงไม่ถูกแขวน รอยุบรวมหลังผู้บริหารที่เกี่ยวข้องเกษียณ เช่น สายงานที่เกี่ยวข้องกับ ดิจิทัลและระบบ IT สนับสนุนการให้บริการลูกค้ามีถึง 3 สายงาน มาจาก แคทเดิม 2 สายงานคือ สายงานดิจิทัล และสายงานเทคโนโลยี จาก TOT เดิม 1 สายงานพัฒนาผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยี โครงสร้างหลังควบรวมยังคงมีอยู่ทั้ง 3 สายงาน รอจนหลังวันที่ 1 ต.ค.64 จะมีผู้บริหารเกษียณ 1 ท่านจึงจะปรับให้เหลือ 2 สายงาน ทำให้เกิดการทำงานที่ทับซ้อนและสับสน
ทั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงความไม่รับผิดชอบของทั้ง 2 องค์กรที่ควบรวมโดยมองจากตำแหน่งของตนเองเป็นหลัก ไม่สนใจผลกระทบต่อการให้บริการของลูกค้า สายงานสื่อสารไร้สาย ที่ดูแลบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ยังคงมี 2 สายงาน ไม่มีการ Roaming โครงข่ายที่ควรใช้ร่วมกันตามหลักการที่กล่าวอ้างในการควบรวมของท่านรัฐมนตรี ซ้ำยังมีการออก โรมมิ่ง ในการให้บริการที่มีการแข่งขันและแย่งลูกค้ากันเอง ลูกค้าสับสนกับความแตกต่างที่ได้รับจาก NT ทั้ง 2 ฝั่งสายงานขายลูกค้าองค์กร ที่ดูแลลูกค้าในพื้นที่กรุงเทพฯ ยังคงมีฝ่ายขายภาคเอกชน 1 กับ ขายเอกชน 2 ไปขายลูกค้าเอกชนรายเดียวกัน และ สายงานขายและปฎิบัติการลูกค้าที่ดูแลพื้นที่ในส่วนภูมิภาค มีการเข้าพบลูกค้าจากพนักงานขาย NT CAT และ NT TOT เดิม ทำให้ลูกค้าเกิดความสับสน ในหลายพื้นที่ มีการแข่งขันแย่งลูกค้ากันเอง
นอกจากนี้ โครงสร้างของบุคลากร ที่มีความแตกต่างของระดับ (C) ความสับสนของตำแหน่งงานและระดับ (C) ตำแหน่งเดียวกันของ CAT และ TOT มี (C) ที่ไม่เหมือนกัน เกิดความสับสนในการทำงานร่วมกัน ความก้าวหน้าในสายอาชีพที่แตกต่างกัน พนักงาน CAT เดิมในตำแหน่งผู้บริหารระดับต้น (C8) ไม่สามารถขึ้นไปสู่ตำแหน่งผู้ช่วยผู้จัดการฝ่าย (C9) ได้เพราะไม่มีตำแหน่งนี้ใน TOT แต่ TOT สามารถเดินต่อได้ทุกขั้นตำแหน่ง การควบรวมที่ยังไม่ได้แก้ปัญหาที่แตกต่างกันทำให้เกิด GAP ของ carree path พนักงานสับสนและสูญเสียขวัญกำลังใจ เกิดการขัดแย้งและต่อต้านที่รุนแรงมากขึ้น
ขณะเดียวกัน ข้อกำหนด กฏระเบียบ และข้อปฏิบัติที่ยังไม่มีความชัดเจน ขั้นตอนในการปฏิบัติงานซับซ้อนหลายขั้นตอน เช่นระเบียบการจัดซื้อจัดจ้างที่ถูกยกเลิกไป ต้องใช้ พ.ร.บ.การจัดซื้อจัดจ้างการบริหารพัสดุภาครัฐปี 2560 นับตั้งแต่วันที่ 7 ม.ค.64 เป็นต้นมา ไม่สามารถจ่ายเงินให้กับพันธมิตรที่มีสัญญาการให้บริการในลักษณะ system Intergrator (SI) ในลายที่ลงนามสัญญาแล้ว ต้องหยุดชะงักไม่สามารถดำเนินการต่อได้ ทำให้เกิดปัญหาไม่สามารถส่งมอบงานได้ และมีมูลค่างานสูงมาก ทำให้อาจถูกเสี่ยงเสียค่าปรับ
อย่างไรก็ตาม ควรเร่งให้มีการสรรหา กรรมการผู้จัดการใหญ่ ที่เป็นกลางมีความรู้ในการบริหารกิจการควบรวมให้มีประสิทธิภาพ ดำเนินกิจการให้เป็นไปตามเป้าหมาย และขอให้มีการตรวจสอบการส่งมอบงานของบริษัทที่ปรึกษา ในการบริหารทรัพยากรบุคคล ที่ใช้เงินงบประมาณการว่าจ้าง กว่า 120 ล้านบาท ของบริษัท เมอร์เซอร์ และบริษัท เคพีเอ็มจี และบริษัท ที่ปรึกษา ที่จัดทำโครงสร้างองค์กรและแผนธุรกิจ บริษัท อีวาย และบริษัท Prime street ซึ่งการควบรวมของ 2 องค์กรนี้ มีสินทรัพย์มูลค่าสูงถึง 3 แสนล้านบาท เงินสดที่มี 36,700 ล้านบาท แต่กลับถูกสถาบันทางการเงิน ปรับลดความน่าเชื่อถือ (Credit rating) ลง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 18 ก.พ.64 อดีตประธานสหภาพและกลุ่มผู้ติดตามการควบรวมกิจการ TOT CAT ได้ส่งหนังสือร้องไปถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี , พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี , นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง , นายกฤษฏา จีนะวิจารณะ ปลัดกระทรวงการกคลัง , นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รมว.ดีอีเอส , นายประภาส คงเอียด ผู้อำนวยการ สคร.เพื่อให้รับทราบถึงปัญหาที่พบหลังจากการควบรวมกิจการ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) TOT บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) หรือ CAT เป็น บริษัท NT และเร่งแก้ไขที่เกิดขึ้นโดยเร็ว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี