"ชัยวุฒิ"เผยเร่งเดินหน้าพัฒนาระบบยืนยันตัวตน National Digital ID เพื่อป้องกันการหลอกลวงประชาชนในการทำธุรกรรมออนไลน์ สร้างความเป็นธรรมให้ผู้ประกอบการ มุ่งให้เกิด"โซเชียลสีขาว"ในสังคมไทย
เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2564 นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวถึงกรณีมีข่าวลวงข่าวปลอม หรือเฟคนิวส์ ที่แพร่หลายในโซเชียลมีเดีย ขณะนี้ว่า ต้องยอมรับความจริงว่าปัจจุบันมีการใช้โซเชียลมีเดีย ทำให้การส่งข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว และไม่ได้มีการควบคุมดูแลได้ทั้งหมด ซึ่งต้องมีระเบียบวิธีการดูแลให้มากขึ้นกว่านี้ โดยตอนนี้ก็มีศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ที่เข้ามาดูแลตรวจสอบ คัดกรองเนื้อหาข้อมูลข่าวสารต่างๆ เพื่อแจ้งเตือนประชาชนอย่างใกล้ชิด ซึ่งปีที่ผ่านมาได้แจ้งเตือนประชาชนไปแล้วหลายหมื่นเรื่อง
ขณะที่การบังคับใช้กฎหมายกับผู้ที่ปล่อยข่าวปลอมนั้น นายชัยวุฒิ ระบุว่า จะบังคับใช้กฎหมายที่เข้มข้นขึ้น โดยเฉพาะผู้ที่มีเจตนาหลอกลวงประชาชนเพื่อหวังผลประโยชน์ต่างๆ เจ้าหน้าที่จะติดตามตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเต็มที่ เพื่อไม่ให้คนเหล่านี้เอารัดเอาเปรียบใคร และไม่ไปสร้างปัญหาให้บ้านเมือง
ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้ให้แนวนโยบายกับกระทรวงดีอีเอส ที่เร่งด่วน คือ เรื่อง National Digital ID หรือ บัตรประชาชนอิเล็กทรอนิกส์ เป็นการยืนยันตัวตนทางระบบออนไลน์ ถ้าทำระบบและนำมาใช้ให้ได้เร็ว ก็จะสามารถยืนยันตัวตนของผู้ที่ทำธุรกรรมทางออนไลน์ได้ทั้งหมด เมื่อดูหน้าตาแล้วรู้ว่าเป็นใคร และยืนยันด้วยเลข 13 หลักในบัตรประชาชน ซึ่งจะใช้ฐานข้อมูลจากกรมการปกครอง ระบบนี้จะทำให้ต่อไปคนที่เข้ามาทำธุรกรรมออนไลน์ต่างๆ ในโซเชียลมีเดีย ต้องยืนยันตัวตน จะเป็นตัวปลอม เป็นอวตารไม่ได้แล้ว จะทำให้ผู้ที่เป็นมิจฉาชีพหรือใครที่จะเข้ามาหลอกลวง ก็จะมีความระมัดระวังมากขึ้น หากมีใครทำผิดกฎหมาย โกงกัน ก็จะสามารถดำเนินคดีตามกระบวนการกฎหมายได้ทั้งหมด ซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการจัดทำระบบอยู่
นายชัยวุฒิ ยังกล่าวด้วยว่า ต้องป้องกันไม่ให้มีการหลอกลวงกันในโซเชียลมีเดีย ต้องไม่มีบัญชีปลอม ต้องยืนยันตัวตนให้ได้ แต่ทั้งนี้ส่วนตัวก็ยังพบว่า ในเฟซบุ๊กยังมีคนชื่อชัยวุฒิ เหมือนกับตน ยังมีตัวปลอมมีอวตารในเฟซบุ๊คเลย ก็กำลังหาวิธีอยู่ว่า จะแก้ปัญหาอย่างไร แต่ก็ต้องพูดคุยกับเฟซบุ๊ก ในความร่วมมือกัน เพราะเป็นองค์กรต่างประเทศ อาจจะต้องออกระเบียบในประเทศว่าจะบังคับใช้อย่างไร ก็กำลังศึกษาหาวิธีอยู่ แต่เป้าหมายคือสังคมไทย การใช้แพลตฟอร์ม โซเชียลมีเดียต่างๆ ต้องปลอดภัย เป็นโซเชียลมีเดียสีขาว อย่ามาหลอกลวง ยุยงปลุกปั่น หรือทำความเดือดร้อนให้บ้านเมือง สร้างความเสียหายให้ประชาชน
อย่างไรก็ตาม การค้าขายออนไลน์ มีกฎหมายที่กำกับดูแลธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์อยู่แล้ว ซึ่งกำลังศึกษาอยู่ว่าจะออกกฎระเบียบเกี่ยวกับแพลตฟอร์มที่มาทำธุรกรรมออนไลน์ ปล่อยกู้ หรือสมัครงาน รวมถึงบริษัทส่งสินค้า อาหารต่างๆ นายชัยวุฒิ ยืนยัน การเข้าไปกำกับดูแลไม่ใช้เข้าไปเพื่อสร้างปัญหา แต่เพื่อรักษาผลประโยชน์ให้พี่น้องประชาชน และสร้างความเป็นธรรม ความเท่าเทียมให้แก่ผู้ประกอบการให้สามารถแข่งขันกันได้อย่างเท่าเทียมกัน ไม่ใช่ให้แพลตฟอร์มต่างชาติไม่เสียภาษี ได้ของถูกกว่าคนไทย คนไทยก็สู้ไม่ได้ อย่างนี้เป็นต้น ซึ่งมีการประสานงานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามระบบ ที่กระทรวงดิจิทัลฯได้ทำมาอยู่แล้ว เช่น การดำเนินคดี หรือ การปิดเว็บที่ทำผิดกฎหมาย ก็ประสานไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจและฟ้องไปที่ศาลอาญาด้วย
นายชัยวุฒิ ยืนยันว่า การบังคับใช้กฎหมายต่างๆ ไม่ได้เกี่ยวกับการเมือง ไม่ได้ทำเพื่อไปกลั่นแกล้งใคร แต่เป้าหมายสูงสุดเพื่อรักษาผลประโยชน์ให้พี่น้องประชาชน เพื่อภาพรวมของประเทศ หากปล่อยไว้แบบนี้ไปเรื่อย บ้านเมืองก็จะวุ่นวาย เช่นเมื่อเร็วๆ นี้ที่ตนเพิ่งเข้ามารับตำแหน่งใหม่ๆ พบว่ามีข่าวเพจปลอมของกองสลากฯ หลอกลวงประชาชนเรื่องใบ้หวยต่างๆ ทำให้คนเสียเงินเสียทอง ตนคิดว่าเรื่องเหล่านี้ไม่ควรเกิดขึ้นในสังคมไทย ต้องมีทางป้องกันได้
นอกจากนี้ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเอง ยังเร่งพัฒนาด้านเศรษฐกิจหลายเรื่อง เช่นโครงสร้างพื้นฐาน 5G ที่ขณะนี้เข้าสู่ยุค 5G แล้ว ต้องปรับตัว ทั้งผู้ประกอบการ และภาคส่วนต่างๆ พยายามสนับสนุนให้นำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้ ซึ่งกระทรวงก็มีหน่วยงานที่ส่งเสริมด้านนี้ให้เกิดการพัฒนาต่อเศรษฐกิจและสังคมภายในประเทศให้ดีที่สุด มีเงินอุดหนุน สนับสนุนให้มากที่สุด พยายามทำเรื่องไวไฟฟรี ให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อย กระจายสัญญาณอินเทอร์เน็ตให้เข้าถึงพื้นที่ห่างไกลตามพื้นที่ชนบท คือโครงการเน็ตประชารัฐ พยายามเดินสายเคเบิ้ลใยแก้ว นำอินเทอร์เน็ตให้ไปถึงทุกหมู่บ้านให้ทั่วถึงทั่วประเทศไทย ให้เกิดความเท่าเทียมและแพร่หลาย โดยไม่หนักใจที่งานเยอะและหนัก เพราะถือว่าเข้ามาในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ รัฐบาลชุดเดียวกันก็สานต่อให้เกิดรูปธรรม ย้ำเสมอว่าต้องคำนึงถึงประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก ให้มีรายได้ดีขึ้น ถ้ามีอินเทอร์เน็ต คนจะขายของออนไลน์ก็ได้ ติดต่อสื่อสารได้ มีรายได้มากขึ้น การฝึกอบรม ฝึกอาชีพ ให้นักศึกษา ประชาชนทั่วไป ก็ต้องออกใบประกาศนียบัตรรับรองให้ด้วยเพื่อนำไปสมัครงาน นำไปเพิ่มเงินเดือนพัฒนาความเป็นอยู่ให้ประชาชนให้ดีขึ้น วัดผลเป็นรูปธรรมได้จริง
ส่วนการยืนยันตัวตนในการทำธุรกรรมออนไลน์ จะมีการคุ้มครองข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้ให้ปลอดภัยอย่างไรนั้น นายชัยวุฒิ กล่าวว่า เรามี พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ออกมาแล้ว แต่ยังไม่มีผลบังคับใช้เนื่องจากอยู่ระหว่างดำเนินการออกระเบียบ ในกฎหมายลูก ซึ่งส่วนตัวก็ติดตามและเป็นห่วงเรื่องนี้อยู่ เพราะว่าระเบียบยังไม่ชัดเจน หากรีบบังคับใช้ไปอาจจะส่งผลกระทบต่อประชาชน รวมถึงผู้ประกอบการก็อาจมีการฟ้องร้องดำเนินคดีได้อาจทำให้วุ่นวายพอสมควร ต้องดูว่าจะแก้ปัญหาอย่างไร แต่ไม่ต้องกังวล สุดท้ายต้องทำให้เกิดความสมดุลทุกอย่างให้ธุรกิจเดินหน้าได้ ประชาชนได้รับความปลอดภัย ซึ่งกระทรวงจะดูเรื่องนี้ให้ดีที่สุด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี