TPIPL ออกหุ้นกู้อายุ 2 ปี 9 เดือน ชูอัตราดอกเบี้ยคงที่ 3.50% ต่อปี วงเงินรวมไม่เกิน 4,000 ล้านบาท เปิดจองซื้อ 27-29 เม.ย.นี้ ทริสเรตติ้งจัดอันดับความน่าเชื่อถือ “BBB+” แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable”
บมจ. ทีพีไอ โพลีน หรือ TPIPL เสนอขายหุ้นกู้ครั้งที่ 2/2564 วงเงินรวมไม่เกิน 4,000 ล้านบาท เสนอขายไม่เกิน 4 ล้านหน่วย อายุหุ้นกุ้ 2 ปี 9 เดือน ชูอัตราดอกเบี้ยคงที่ 3.50% ต่อปี กำหนดชำระดอกเบี้ยทุก ๆ 3 เดือน ครบกำหนดไถ่ถอนปี 2567 เสนอขายวันที่ 27-29 เมษายน 2564 ทริสเรทติ้งจัดอันดับความน่าเชื่อที่ “BBB+” และแนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” สะท้อนถึงความมั่นคงทางธุรกิจ ซึ่ง TPIPL ถือเป็นผู้ผลิตปูนซีเมนต์รายใหญ่ระดับประเทศ
บริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) หรือ TPIPL เสนอขายหุ้นกู้ TPIPL ครั้งที่ 2/2564 มูลค่ารวมทั้งสิ้นไม่เกิน 4,000 ล้านบาท จำนวนหน่วยที่เสนอขายไม่เกิน 4 ล้านหน่วย อายุ 2 ปี 9 เดือน โดยเป็นหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ ครบกำหนดไถ่ถอนในปี 2567 อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3.50% ต่อปี กำหนดชำระดอกเบี้ยทุก ๆ 3 เดือน หรือทุกวันที่ 30 มกราคม, 30 เมษายน, 30 กรกฎาคม และ 30 ตุลาคม ตลอดอายุหุ้นกู้ โดยเริ่มชำระดอกเบี้ยงวดแรก 30 กรกฎาคม 2564
บริษัทกำหนดเสนอขายหุ้นกู้ ให้แก่นักลงทุนสถาบัน และนักลงทุนทั่วไป (Public Offering) ที่ราคาเสนอขายหน่วยละ 1,000 บาท จองซื้อขั้นต่ำ 100 หน่วย โดยผู้ที่สนใจสามารถแสดงความจำนงซื้อหุ้นกู้ดังกล่าวได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ผ่านผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ 11 ราย ได้แก่ (1) ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) (2) บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด (3) บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน) (4) บริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย ซีมิโก้ จำกัด (5) บริษัทหลักทรัพย์ ไอร่า จำกัด (มหาชน) (6) บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) (7) บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด (8) บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (9) บริษัทหลักทรัพย์ คันทรี่ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (10) บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย)จำกัด (มหาชน) และ (11) บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) โดยการเสนอขายหุ้นกู้ในครั้งนี้มีกำหนดให้นักลงทุนชำระค่าจองซื้อในวันที่ 27-29 เมษายน 2564
หุ้นกู้ดังกล่าวได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2564 ที่อันดับ BBB+ และแนวโน้มอันดับเครดิต Stable ซึ่งอันดับเครดิตจะสะท้อนถึงตำแหน่งทางการตลาดที่แข็งแกร่ง และมั่นคงในธุรกิจปูนซีเมนต์ ซึ่ง TPIPL ถือว่าเป็นผู้ผลิตปูนซีเมนต์รายใหญ่ของประเทศ ตลอดจนตำแหน่งผู้นำในตลาดพลาสติก Low-density Polyethylene (LDPE) และ Ethylene Vinyl Acetate (EVA) ที่มีกระแสเงินสดที่มั่นคง ประกอบกับได้รับประโยชน์จากการมีธุรกิจที่หลากหลาย ขณะที่ธุรกิจผลิตไฟฟ้ามีผลการดำเนินงานที่น่าพอใจ และยังคงสร้างกระแสเงินสดที่มั่นคง จากการมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าที่มีร่วมกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) พร้อมกันนี้ คาดว่าจะประสบความสำเร็จในการแสวงหาสัญญาซื้อขายไฟฟ้า สำหรับโครงการโรงไฟฟ้าแห่งใหม่ ๆ ซึ่งจะเข้ามา ซึ่งมีส่วนช่วยชดเชยกระแสเงินสดที่ลดลงจากการหมดอายุของ Adder ได้
ทั้งนี้ บริษัทมีวัตถุประสงค์จะนำเงินที่ได้จากการขายหุ้นกู้ในครั้งนี้ เพื่อชำระคืนหุ้นกู้ ที่จะครบกำหนดชำระคืน จำนวน 3,580 ล้านบาท ในวันที่ 5 สิงหาคม 2564 และส่วนที่เหลือจะใช้เพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ จำนวน 420 ล้านบาท
สำหรับ TPIPL เป็นหนึ่งในผู้ผลิตปูนซีเมนต์รายใหญ่ในประเทศไทย โดยผลการดำเนินงานปี 2563 มีรายได้รวม 36,186.66 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 2,839.17 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน รับผลดีจากต้นทุนขายและค่าใช้จ่ายในการบริหารลดลง สืบเนื่องจากการพัฒนาโครงการต่างๆ และการค้นคว้าวิจัย (Research & Development) ในกระบวนการผลิตและผลิตภัณฑ์ต่างๆ ตามนโยบาย Bio Circular Green Economy และสิ่งแวดล้อม สังคมธรรมาภิบาลที่ดี (ESG) ทำให้ต้นทุนการผลิตของบริษัทฯลดลง และเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ประเภท ปุ๋ยชีวะอินทรีย์ พืชผักอินทรีย์ ที่ไม่ต้องใช้ยาปราบศัตรูพืชอันเป็นพิษกับร่างกายและสิ่งแวดล้อมสินค้าประเภทรักษ์สุขภาพ (Heath Care) ประกอบด้วย น้ำยาบ้วนปากฆ่าเชื้อ Covid19 ประเภท PRINTEMP MARIE ROSE สบู่ล้างมือ อาหารเสริม Lactobacillus ใน PROVITA ช่วยย่อยอาหาร สร้างภูมิคุ้มกัน และ PRO150 เครื่องดื่มชูกำลัง น้ำยาล้างผัก Clean Fresh ฆ่าเชื้อโรค น้ำยาขจัดคราบน้ำมัน และน้ำยาฉีดป้องกัน Covid19 ทำให้พนักงานและครอบครัวรวมทั้งลูกค้า หลายแสนคนปราศจากโรค Covid19 ทำให้ยอดขายดีขึ้น และผลกำไรสูงขึ้น นอกจากนี้ บริษัทมีความสามารถในการแข่งขัน โดยได้ดำเนินธุรกิจปูนซีเมนต์ที่ครบวงจรในแนวดิ่ง (Vertical Integration)
พร้อมกันนี้ ยังมีผลิตภัณฑ์ ที่หลากหลาย อาทิ ปูนซีเมนต์ คอนกรีต ไฟเบอร์ซีเมนต์กันไฟ และลอยน้ำได้ กระเบื้องคอนกรีต คอนกรีตมวลเบา และปูนสำเร็จรูป DIY นานาชนิด อีกทั้งยังสามารถครองตำแหน่งผู้นำในตลาดเม็ดพลาสติก EVA เพื่อทำ Solar Cell ในระดับชั้นนำของโลกมีกำลังการผลิตขนาด 158,000 ตันต่อปี ซึ่งโรงงานผลิตเม็ดพลาสติกของ TPIPL เป็นส่วนหนึ่งของโครงการปิโตรเลียมครบวงจรขนาดใหญ่ในจังหวัดระยอง ทำให้สามารถครองส่วนแบ่งทางการตลาดภายในประเทศของเม็ดพลาสติก และตลาดต่างประเทศได้ นอกจากนี้ มีรายได้จากผลิตภัณฑ์ EVA ในธุรกิจพลาสติกเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 90% ของรายได้ของเม็ดพลาสติกทั้งหมด ประกอบกับบริษัทมีแผนจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ EVA ที่มีคุณภาพสูงขึ้นเพื่อเพิ่มผลกำไรในอนาคตอีกด้วย อีกทั้งผลิตภัณฑ์กาวน้ำ และกาวแห้ง ก็เป็นผลิตภัณฑ์อันดับต้นๆ ของโลก ซึ่งทำรายได้ที่ดีให้กับบริษัทฯ
นโยบายหลักของบริษัทในเครือ ทีพีไอ โพลีน
การให้บริการลูกค้าในการใช้งานผลิตภัณฑ์ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
การนำผลิตภัณฑ์เหลือใช้จากการบริโภคมาใช้ประโยชน์หมุนเวียน
โรงปูนซิเมนต์แห่งแรกของประเทศไทย ที่สามารถใช้เชื้อเพลิงขยะแทนเชื้อเพลิงถ่านหิน
ในช่วงเวลาแห่งความท้าทายทางธุรกิจจากการแพร่ระบาดของไวรัส Covid-19 กลุ่มทีพีไอโพลีนได้พัฒนาและปรับปรุงประสิทธิภาพโรงปูนซิเมนต์อย่างต่อเนื่อง รวมถึงการปรับปรุงเครื่องจักรผลิตปูนซิเมนต์ให้สามารถนำเชื้อเพลิงขยะมาใช้แทนเชื้อเพลิงถ่านหินได้บางส่วน ซึ่งจะสามารถลดต้นทุนการผลิต และเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันในธุรกิจปูนซิเมนต์ ซึ่งการพัฒนาดังกล่าวยังเป็นการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยสามารถลดมลภาวะขยะของประเทศผ่านกระบวนการผลิตปูนซิเมนต์ ภายใต้แนวคิด zero waste หรือการทำให้ขยะเหลือศูนย์ โดยบริษัทเป็นโรงปูนซิเมนต์แห่งแรกของประเทศไทย ที่สามารถนำเชื้อเพลิงขยะมาใช้แทนเชื้อเพลิงถ่านหิน โดยโครงการดังกล่าวคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2564 -2565 ซึ่งจะทำให้บริษัทสามารถลดปริมาณการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ประมาณ 6.5 ล้านตันต่อปี ซึ่งจะช่วยลดปัญหาสภาวะโลกร้อน พร้อมแก้ปัญหาขยะมูลฝอยได้ถึง 2.7 ล้านตันต่อปี ซึ่งเป็นการดำเนินธุรกิจตามแนวทาง ESG (สิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการที่ดี)
นอกจากนี้ บริษัทมีผลิตภัณฑ์ fiber cement ซึ่งใช้ทดแทนไม้ หินอ่อน เป็นต้น ซึ่งช่วยลดการตัดไม้ทำลายป่าลงได้ และผลิตภัณฑ์ดังกล่าวบริษัทได้ขายส่งออกไปต่างประเทศ ก่อให้เกิดการนำเข้าเงินตราต่างประเทศได้
ขับเคลื่อนเศรษฐกิจสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน (ESG และ Bio Circular-Green Economy-BCG)
กลุ่มบริษัททีพีไอโพลีนมีนโยบายขับเคลื่อนเศรษฐกิจสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยขับเคลื่อนกลุ่มทีพีไอ โพลีน ให้เติบโตด้วยนวัตกรรมที่แข่งขันได้ในระดับโลก ทำให้เกิดการกระจายรายได้สู่ชุมชน ด้วยการรักษาสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยดำเนินการตามทิศทางเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด ดำเนินการตามเศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy) เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ไปสู่การผลิตแบบคาร์บอนต่ำ (Low carbon production) เพื่อลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก อันเป็นสาเหตุโลกร้อน โดยใช้พลังงานเชื้อเพลิงขยะเข้ามาในระบบการผลิต และนำเทคโนโลยีชีวภาพมาใช้ในการเพิ่มคุณค่าผลิตภัณฑ์ และสนับสนุนภาคการเกษตร เพื่อให้เกิดเศรษฐกิจชีวภาพ (Bio Economy) โดยการผลิตปุ๋ยชีวอินทรีย์ที่ปลอดภัยต่อผู้บริโภค ขณะเดียวกันก็ทำให้เกษตรกรมีต้นทุนที่ต่ำกว่า
การเชื่อมโยงเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) เศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy) และเศรษฐกิจชีวภาพ (Bio Economy) ดังกล่าวเข้าด้วยกัน จึงเป็นพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน
นอกจากนี้ กลุ่มทีพีไอโพลีนยังให้ความใส่ใจในมิติด้านสังคม และมีการกำกับดูแลกิจการที่ดี โดยยึดมั่นจรรยาบรรณในการดำเนินธุรกิจ ป้องกันความขัดแย้งทางผลประโยชน์ ต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่น มีการบริหารความเสี่ยงขององค์กร รวมถึงดำเนินธุรกิจด้วยความเป็นธรรมต่อผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม อาทิ การให้ความสำคัญต่อระบบการจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัยของพนักงานและผู้เกี่ยวข้อง โดยมุ่งมั่นที่จะปรับปรุงและป้องกันอันตรายที่มีอยู่ทั้งหมด รวมถึงการปฏิบัติตามหลักสิทธิมนุษยชน ตั้งแต่การจ้างงาน จนถึงการดูแลพนักงานและบุคลากร เพื่อให้พนักงานและบุคลากรทุกคนเกิดความรู้สึกผูกพันเป็นครอบครัวเดียวกับองค์กร นอกจากนี้บริษัทยังยึดมั่นในการร่วมมือกับคู่ค้าทุกรายตามแนวทางการปฏิบัติอย่างยั่งยืนของคู่ค้า
สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ทีพีไอรักษ์สุขภาพ จากสารสกัดจากธรรมชาติ
จากการระบาดใหญ่ของ COVID-19 บริษัทได้ปรับตัวเข้าสู่ภาวะ New Normal โดยได้นำเสนอผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับสุขอนามัยที่ปราศจากสารเคมี ได้แก่
1. ผลิตภัณฑ์ไบโอน็อคแบบผงสำหรับชงดื่ม (Bio Knox Powder) เพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรียและไวรัส เป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารแคลเซียม และวิตามินซีจากธรรมชาติคุณภาพสูง โดยมีกรรมวิธีการผลิตที่สะอาดและทันสมัย ปลอดภัยต่อผู้บริโภค
2. ผลิตภัณธ์ไมโครมน็อคโซลูชั่น (Microme Knox Solution) และไมโครมน็อคแบบผง (Microme Knox Powder) สำหรับใช้ฉีดพ่นบริเวณที่พักอาศัย เพื่อลดปริมาณเชื้อก่อโรคจากแบคทีเรียและไวรัส
3. ผลิตภัณฑ์น้ำยาบ้วนปาก (Printemp Marie Rose Mouthwash) ประเภทกลิ่นขิง และกลิ่นมินท์
ซึ่งผลิตภัณฑ์ดังกล่าวข้างต้นได้ผ่านการทดสอบและรับรองโดยคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล และศูนย์บริการวิชาการแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีประสิทธิภาพในการทำลายเชื้อไวรัส ได้แก่ SARS-CoV2, PRRS, PDCoV, PCV2 และ RVA เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังมีผลิตภัณฑ์ Biosan เพื่อใช้ในการปรับปรุงคุณภาพน้ำในงานสิ่งแวดล้อม โดยใช้เป็นหัวเชื้อในการปรับสภาพน้ำเสียที่มีปริมาณสารอินทรีย์ ไขมัน และน้ำมันในปริมาณสูง โดยได้ผ่านการทดสอบจากศูนย์บริการวิชาการแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พบว่า Biosan สามารถช่วยลดค่าสารอินทรีย์ในรูป COD และ BOD ของน้ำเสียได้ นอกจากนี้ยังมีผลิตภัณฑ์สำหรับล้างผัก ผลไม้ และเนื้อสัตว์สำหรับการทำครัว ซึ่งจัดเป็นนวัตกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ผลิตภัณฑ์เหล่านี้จะเป็นประโยชน์แก่มนุษยชาติ แม้จะทำกำไรไม่มาก เพราะอยู่ในระหว่างการค้นคว้าและพัฒนาให้ดีขึ้นต่อไป
ทั้งนี้ ในช่วงสถานการณ์โรคระบาด Covid-19 ที่ผ่านมา บริษัทได้ดำเนินมาตรการต่างๆเพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น โดยให้ความสำคัญในการดูแลความปลอดภัยของพนักงานเป็นสำคัญ มีการคัดกรองตรวจวัดอุณหภูมิผู้เข้าปฏิบัติงานในทุกสถานที่ทั้งที่สำนักงานใหญ่ และโรงงาน มีมาตรการให้สวมใส่หน้ากาก มีการจัดเตรียมเจลแอลกอฮอล์สำหรับล้างมือไว้ให้พนักงานอย่างเพียงพอ จัดให้มีการพ่นยาฆ่าเชื้อโรค ซึ่งรวมถึงพ่นสาร Microme Knox Solution เพื่อฆ่าเชื้อในสถานที่ทำงานเป็นประจำ รวมถึงการแจกผลิตภัณฑ์ Bio Knox Powder ของบริษัทซึ่งมีประสิทธิภาพออกฤทธิ์ในการต่อต้านเชื้อก่อโรค เช่นไวรัส ให้แก่พนักงานได้ดื่มเพื่อสร้างความปลอดภัย และความมั่นใจแก่บริษัทและพนักงาน รวมถึงการจัดแผนรองรับการปฏิบัติงานที่บ้าน (Work from home) ใช้มาตรการ Social Distancing โดยใช้เทคโนโลยีการประชุมทางไกลหรือการสื่อสารผ่านระบบ VDO Conference หรือ Online Application เพื่อลดความเสี่ยงในการแพร่กระจายเชื้อได้ เป็นต้น
รางวัลผู้ประกอบการอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่อง
กลุ่มทีพีไอโพลีน ยังคงให้ความสำคัญในการร่วมคิดร่วมสร้างสิ่งดีๆให้กับชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม อย่างยั่งยืนผ่านโครงการต่างๆ ความสำเร็จในการดำเนินงานของกลุ่มทีพีไอโพลีน สะท้อนได้จากรางวัลต่างๆ ที่ได้รับในปี 2563 อาทิ รางวัลมาตรฐานความรับผิดชอบของผู้ประกอบการอุตสาหกรรมที่มีต่อสังคมและชุมชนอย่างยั่งยืน เป็นต้น
กลุ่มบริษัททีพีไอโพลีน ยังคงให้ความสำคัญในการร่วมคิดร่วมสร้างสิ่งดีๆให้กับชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม อย่างยั่งยืนผ่านโครงการต่างๆ อาทิเช่น โครงการทีพีไอ รวมใจ ปลูกต้นไม้ รักษ์สิ่งแวดล้อม ณ โรงปูนซีเมนต์ทีพีไอ อ.แก่งคอย จ.สระบุรี เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียว, มอบผ้าห่มให้กับผู้ประสบภัยหนาวทั้งภาคเหนือและภาคอีสาน รวมจำนวนทั้งสิ้น 10,000 ผืน เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนจากสภาวะอากาศที่หนาวเย็น, ร่วมบริจาคผลิตภัณฑ์วัสดุก่อสร้างให้กับ “โครงการกองทุนพัฒนาคุณภาพชีวิต” เพื่อซ่อมสร้างบ้านผู้ยากไร้ เพื่อใช้ในกิจกรรมการซ่อมสร้างบ้านประชารัฐ ให้กับผู้ยากไร้ ยากจน และผู้ด้อยโอกาสทางสังคม, สนับสนุนน้ำดื่มทีพีไอ พีแอล สำหรับการจัดกิจกรรมจิตอาสาและกิจกรรมที่เป็นประโยชน์,มอบถังดักไขมัน จำนวน 1,000 ชุด เพื่อใช้ในงานจิตอาสาพัฒนาคลองสวยน้ำใส ชวน 1 ชุมชนใช้ถังดักไขมัน ภายใต้ “โครงการจิตอาสารักษ์แม่น้ำ เพื่อเฉลิมพระเกียรติฯ พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ของกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) โดย กพร. พัฒนาคุณภาพน้ำในลำคลองและแม่น้ำสายหลักของประเทศ เพื่อช่วยแก้ปัญหาน้ำเสียผ่านโครงการจิตอาสา, การมอบทุนการศึกษา และการร่วมสืบทอดและทำนุบำรุงทางด้านศาสนาฯลฯ
ความสำเร็จของกลุ่มบริษัททีพีไอโพลีนในวันนี้ ถือเป็นความภาคภูมิใจของบริษัทคนไทยที่สามารถแข่งขันในระดับสากล ในนามของคณะกรรมการบริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) ใคร่ขอขอบคุณท่าน และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่ม ที่ได้ร่วมให้ความสนับสนุน และให้ความไว้วางใจต่อกลุ่มทีพีไอโพลีน ด้วยดีตลอดมา ทำให้กลุ่มทีพีไอโพลีนประสบความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่อง และเป็นพลังผลักดันสำคัญให้ผู้บริหาร และพนักงานทุกคนร่วมกันฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ เพื่อบรรลุเป้าหมายในการสร้างความมั่นคงและความเข้มแข็งให้แก่องค์กร ชุมชน และประเทศชาติ รวมถึงการดูแลผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่มอย่างสมดุล พร้อมไปกับการลดมลภาวะเพื่อแก้ปัญหาโลกร้อน เพื่อสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีให้แก่ประเทศไทย เพื่อความยั่งยืนต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี