นางสาวอมรรัตน์ เพิ่มพูนวัฒนาสุข หัวหน้าสายงานธุรกิจพลังงาน และหุ้นส่วนสายงานตรวจสอบบัญชี บริษัท PwC ประเทศไทย เปิดเผยว่า ปัจจุบันกลุ่มอุตสาหกรรมพลังงานทั่วโลกรวมถึงไทย กำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ถูกเร่งตัวขึ้นหลังเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ความต้องการผลิตภัณฑ์ ลักษณะของตลาด และรูปแบบธุรกิจของอุตสาหกรรมเปลี่ยนไป รวมถึงกระแสการร่วมมือกันทางด้านสิ่งแวดล้อมของภาครัฐและองค์กรธุรกิจชั้นนำทั่วโลกที่ต้องการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิ (Net Zero emissions) ภายในปี 2593 ตามปณิธานขององค์การสหประชาชาติ
“การมุ่งสู่นโยบาย Net Zero นำไปสู่การลดการพึ่งพาพลังงานฟอสซิลประเภทน้ำมันก๊าซธรรมชาติ และถ่านหิน ส่งผลให้ขนาดของตลาดเชื้อเพลิงเหล่านี้หดตัวลง ขณะที่ผู้ประกอบการในกลุ่มอุตสาหกรรมพลังงานที่เปลี่ยนรูปแบบธุรกิจดั้งเดิมไปสู่ธุรกิจพลังงานหมุนเวียนจะสามารถนำทรัพยากรมาใช้หมุนเวียนได้ไม่จำกัดและส่งผลกระทบกับสิ่งแวดล้อมน้อยมาก คาดว่า ในอนาคตจะเห็นผู้ประกอบการขยายไปสู่ธุรกิจใหม่ เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน รวมทั้งลดความเสี่ยงจากการใช้ทรัพยากรธรรมชาติที่ไม่สามารถทดแทนได้งานที่จะลดลงเรื่อยๆ” นางสาวอมรรัตน์ กล่าว
การตื่นตัวในการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจะส่งผลให้ทุกอุตสาหกรรมปรับเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน ทำให้อุตสาหกรรมพลังงานฯ ต้องเปลี่ยนรูปแบบธุรกิจโดยเน้นการใช้เทคโนโลยีเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มตั้งแต่กระบวนการผลิตและการจัดการวัตถุดิบ จนถึงการนำหลักการหมุนเวียนพลังงานและทรัพยากรมาใช้เพื่อหาตลาดและธุรกิจใหม่ๆ
รายงาน Taking on tomorrow : The rise of circularity in energy, utilities and resources ของ PwC ได้แนะนำ 6 แนวทางในการนำหลักเศรษฐกิจหมุนเวียนมาใช้ในกลุ่มอุตสาหกรรมพลังงาน ประกอบไปด้วย (1) การใช้พลังงานหมุนเวียนมากขึ้น (2) เพิ่มการรีไซเคิล (3) ลดการสูญเสียทรัพยากร (4) ริเริ่มการเป็นผู้นำระบบการใช้วัตถุดิบและทรัพยากรหมุนเวียน (5) สร้างมูลค่าเพิ่มด้วยการเป็นพันธมิตรห่วงโซ่อุปทาน และ (6) ทบทวนรูปแบบธุรกิจ
จากการที่ไทยได้เข้าร่วมในความตกลงปารีส และกำหนดเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 20-25% ภายในปี 2573 ในสาขาพลังงาน การคมนาคมขนส่ง กระบวนการทางอุตสาหกรรม และการจัดการของเสีย ทำให้บริษัทในกลุ่มธุรกิจพลังงานของไทย ต้องปรับเปลี่ยนแผนธุรกิจเพื่อมุ่งไปสู่การใช้พลังงานที่ไม่ก่อให้เกิดมลพิษ เพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับผลประกอบการและสร้างความเชื่อมั่น
นอกจากนี้การสร้างรายได้จากการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ลดลงได้ด้วยการขายคาร์บอนเครดิตให้กับบริษัทอื่นกำลังได้รับความนิยมในต่างประเทศ ปัจจุบันมีบริษัทในกลุ่มธุรกิจพลังงานของไทยไม่กี่ราย ที่เริ่มขายคาร์บอนเครดิตโดยผ่านนายหน้า สร้างรายได้กลับคืนมาสู่ธุรกิจปีละ 10 ล้านบาทหากผนวกแนวทางนี้ เข้ากับการปรับเปลี่ยนไปสู่พลังงานหมุนเวียนก็จะช่วยเพิ่มคุณค่าให้กับธุรกิจและหาช่องทางทำรายได้ใหม่ๆ
“ธุรกิจพลังงานควรกลับมาทบทวนโครงสร้างธุรกิจ และต้นทุนอีกครั้งหลังโควิด-19 คลี่คลายรวมถึงพิจารณาด้วยว่า จะสร้างประโยชน์สูงสุดจากทรัพยากรที่มีอยู่ได้อย่างไร เพื่อสร้างความยั่งยืนและขีดความสามารถในการแข่งขันในระยะยาว” นางสาวอมรรัตน์ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี