หลังจากที่ค่ายใบพัดฟ้าขาวได้ทำการเปิดตัวรุ่นใหม่หลายรุ่น เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้า BMW X3 xDrive30e M Sport ใหม่ ก็เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่หลายคนหลงใหล และใฝ่ฝันที่จะเป็นเจ้าของ ไม่เพียงแต่รูปโฉมที่ดูสปอร์ตโฉบเฉี่ยว และสมรรถนะที่โดดเด่นของเทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo ยังมาพร้อมกับระบบปลั๊กอินไฮบริด สามารถขับขี่ด้วยระบบไฟฟ้าเต็มรูปแบบ ช่วยประหยัดน้ำมัน และลดมลภาวะ
บีเอ็มดับเบิลยู X3 xDrive30e M Sport ใหม่ (รุ่นประกอบในประเทศ)มาพร้อมกับชุดแต่ง M Sport รอบคัน ล้ออัลลอย M น้ำหนักเบา ขนาด 20 นิ้วลาย Double-Spoke ระบบไฟหน้า LED ปรับตามทิศทางหมุนของพวงมาลัย ระบบปรับการทำงานไฟสูงอัตโนมัติ คาลิเปอร์เบรก ดีไซน์ M Sport ระบบช่วยการขับขี่ ระบบช่วยจอดรถ ระบบแสดงผล BMW Head-Up Display และราวหลังคาสีดำเงาสำหรับอุปกรณ์พื้นฐานอื่นๆ ยังรวมถึงระบบสร้างเสียงจำลองเตือนผู้ใช้ถนนรอบข้าง โดยเมื่อขับขี่ในระบบไฟฟ้า ด้วยความเร็วต่ำจะส่งเสียงอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ เพื่อเตือนผู้ใช้ถนนให้ทราบถึงตัวรถที่เคลื่อนเข้ามาใกล้ โดยไม่รบกวนความสงบเงียบของผู้ขับขี่และผู้โดยสาร
นอกจากนี้ ฝากระโปรงท้ายสามารถเปิด-ปิด ด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมระบบ Comfort access เพียงแค่ยื่นปลายเท้าไปที่ใต้กันชนหลัง เซ็นเซอร์จะคอยจับสัญญาณการแหย่ปลายเท้าไว้ และมีกุญแจรีโมทอยู่กับตัว ฝากระโปรงท้าย จะเปิดด้วยระบบไฟฟ้าทันที
ด้านขุมพลัง มาพร้อมระบบปลั๊กอินไฮบริด ที่ประกอบด้วย เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 2 ลิตร กำลังสูงสุด135 กิโลวัตต์/184 แรงม้า พร้อมเทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo และมอเตอร์ไฟฟ้า ที่ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะแบบ Sport Steptronicมอบกำลังขับจากระบบไฟฟ้าสูงสุดที่ 80 กิโลวัตต์/109 แรงม้า มีพละกำลังรวมสูงสุด 215 กิโลวัตต์/292 แรงม้า รวมถึงมีระบบขับเคลื่อน สี่ล้อ xDrive เจเนอเรชั่นล่าสุด ช่วยให้การขับขี่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยตามสเปกระบุไว้สามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม.ภายในเวลาเพียง 6.1 วินาที และทำความเร็วสูงสุด 210 กม./ชม.
ช่วงการทดสอบ ก่อนอื่นต้องยอมรับว่าBMW X3 xDrive30e M Sport ใหม่ถูกออกแบบให้มีความสปอร์ตหรูทั้งภายนอกและภายใน ทัศนวิสัยโดยรวมดีมาก เพราะเป็นรถอเนกประสงค์ (SAV) ที่ให้ความคล่องตัวสูง รวมถึงสมรรถนะที่โดดเด่นของเครื่องยนต์ Twin-PowerTurbo 4 สูบ ที่ให้แรงบิดสูงในรอบที่ต่ำอัตราเร่งรวดเร็วทันใจ ช่วงล่างแบบ Adaptive สุดยอดมาก ไม่ว่าจะเข้าโหมด Comfort, ECO PRO หรือ Sport ตลอดจนระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ xDrive ใหม่ล่าสุด ที่ช่วยกระจายน้ำหนักแบบ 50:50 ระหว่างเพลาหน้าและหลัง ให้ความมั่นใจได้ทุกครั้งที่อยู่หลังพวงมาลัย
การขับในรูปแบบพลังงานไฟฟ้าโหมด MAX eDrive สามารถเปิดใช้งานด้วยปุ่ม eDrive บริเวณคอนโซล ทำความเร็วได้สูงสุด 135 กม./ชม. โดยปราศจากการปล่อยมลพิษ โหมด Auto eDrive ทำความเร็วสูงสุด ด้วยการขับขี่แบบไฟฟ้าล้วน 110 กม./ชม. ในขณะเดียวกัน เครื่องยนต์สันดาปยังสามารถสลับมาทำหน้าที่แทนเมื่อเร่งความเร็วสูงขึ้น หรือ เมื่อมีความจำเป็นต้องใช้พละกำลังจากเครื่องยนต์เพิ่มเติม โดยในขณะที่เร่งความเร็ว มอเตอร์ไฟฟ้า จะมอบการตอบสนองที่ทันใจกว่าอย่างชัดเจน และในการขับขี่ด้วยความเร็วคงที่ มอเตอร์ไฟฟ้าจะช่วยลดอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงและการปล่อยมลภาวะ
นอกจากนี้ ยังมีโหมด BATTERY CONTROL เพื่อชาร์จแบตเตอรี่ให้อยู่ในระดับที่ผู้ขับขี่ต้องการ รวมทั้งกักเก็บพลังงาน เพื่อสลับมาเลือกขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้าได้สามารถขับขี่ในโหมดไฟฟ้าล้วน ได้ในระยะทางกว่า 50 กม. โดยตำแหน่งของแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน ถูกติดตั้งอยู่บริเวณใต้เบาะผู้โดยสารด้านหลังเพื่อประหยัดพื้นที่ ในขณะที่ถังน้ำมันอยู่เหนือบริเวณเพลาหลังของตัวรถ จึงสามารถบรรจุสัมภาระได้โดยแทบไม่ถูกจำกัดพื้นที่ ด้วยพื้นที่เก็บสัมภาระที่มีความจุถึง 450 ลิตร เทียบได้กับรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปรุ่นอื่นๆ และเมื่อพับพนักพิงเบาะหลังแบบ 40:20:40 ก็สามารถเพิ่มความจุได้สูงสุดถึง 1,500 ลิตร
โดยความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียน ชอบหลังคากระจก Panoramaที่มีขนาดใหญ่ สามารถมองเห็นสิ่งต่างๆรอบตัวได้ดี โดยเฉพาะขับเวลาที่ไม่มีแสงแดด หรือ ตอนกลางคืน จะให้ความรู้สึกที่ปลอดโปร่ง โล่ง สบายอย่างมาก รวมทั้งชุดเครื่องเสียงรอบทิศทาง Harman/Kardon ที่ให้ความเพลิดเพลินได้ตลอดการเดินทาง ในส่วนของ Gesture Control การควบคุมระบบต่างๆ ด้วยท่าทางการเคลื่อนไหวของมือ บริเวณหน้าจอ iDrive สงสัยว่าจะใช้นิ้วไม่เก่ง คงต้องฝึกฝนอีกเยอะทีเดียว
สำหรับการชารจ์ไฟผ่านเต้าเสียบปลั๊กไฟภายในบ้าน ด้วยอุปกรณ์สายชาร์จมาตรฐาน สามารถชาร์จจนเต็มภายเวลาไม่เกิน 6 ชั่วโมง ในขณะที่การชาร์จแบตเตอรี่ผ่านแท่นชาร์จ BMW i Wallboxสามารถชาร์จแบตเตอรี่เต็ม ภายในเวลาเพียง 3.7 ชั่วโมง เท่านั้น
โดยสรุปแล้ว BMW X3 xDrive30e M Sport ถือได้ว่าเป็นรถอเนกประสงค์ ที่น่าสนใจอีกหนึ่งรุ่น ด้วยสมรรถนะ และเทคโนโลยีล้ำสมัย ที่ติดตั้งมาแบบเต็มพิกัด เรียกได้ว่าเหนือกว่ารถในเซกเม้นท์เดียวกันอย่างเห็นได้ชัด จะขับช้าหรือเร็ว ระบบมีรองรับทุกไลฟ์สไตล์ ที่สำคัญรุ่นนี้สามารถขับด้วยพลังงานไฟฟ้าล้วน ซึ่งนอกจากจะช่วยประหยัดพลังงานแล้ว ยังลดมลพิษได้เป็นอย่างดี สำหรับราคาจำหน่ายอยู่ที่3,799,000 บาท พร้อมแพ็กเกจ BSI Standard ถ้าชอบต้องไปลองขับก่อนตัดสินใจ
นิติ โมราวรรณ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี