เปิดตัว‘ทีมไทยแลนด์ฟิวเจอร์’

‘อุตตม’เดินหน้า

ระดมสมองฝ่าวิกฤติประเทศ

ดึงคนรุ่นใหม่ทุกภาคร่วมงาน

“อุตตม”อดีต รมว.คลัง เดินหน้าเปิดตัว“ไทยแลนด์ ฟิวเจอร์” ระดมสมองจากหลากหลายอาชีพมาช่วยขับเคลื่อน แก้ปัญหาชาติระดมสมองฝ่าวิกฤติประเทศ ดึงคนรุ่นใหม่หลากหลายภาคส่วนร่วมงาน ‘สิระ’ตื่นเช้าน้ำตาแตก ช็อคติดเชื้อ-สูญเสียโควิดพุ่ง เสนอ‘ล็อกดาวน์รัฐสภา’ผวาเป็นคลัสเตอร์ใหญ่ ด้าน“ปธ.ชวน”ยันไม่ล็อกดาวน์สภา’เดินหน้าประชุมปกติ ระบุประเมินสถานการณ์โควิดเป็นระยะ เดือดกลางสภาด่ายับปูด สส.ขอฉีดวัคซีนเข็ม 3 เรียงต่างยันไม่มีใครชงเสนอ “รองปธ.สุชาติ”โร่ขออภัย ยันไม่ใช่มติสภา

เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2564 นายอุตตม สาวนายน อดีต รมว.คลัง และอดีตหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ในฐานะ ประธานที่ปรึกษา สถาบันอนาคตศึกษาอนาคตไทยศึกษา (ไทยแลนด์ ฟิวเจอร์) โพสต์เฟซบุ๊ก เปิดตัว สถาบันอนาคตศึกษาอนาคตไทยศึกษา (ไทยแลนด์ ฟิวเจอร์) ว่าคนไทยกำลังเผชิญความท้าทายครั้งสำคัญ วิกฤตโควิด คือเรื่องเฉพาะหน้าที่เราต้องร่วมกันจัดการสถานการณ์ให้ดีที่สุด แต่ขณะเดียวกันผมคิดว่าเราจำเป็นต้องมองไปข้างหน้าอย่างจริงจังเพื่อร่วมกันสร้างอนาคตของประเทศ เช่นการคิดค้นแนวทางแก้ไขปัญหาโดยเฉพาะที่สั่งสมมานาน เป็นอุปสรรคในการพัฒนาประเทศและความก้าวหน้าของคนไทยรวมถึงการสร้างสรรค์นโยบายการพัฒนาประเทศที่เกิดประโยชน์สูงสุดครอบคลุมทุกภาคส่วนซึ่งการที่ตนจะสามารถมีส่วนร่วมในการจัดการกับความท้าทายเหล่านี้ จึงมีโอกาสดีที่ได้ร่วมงานกับทีมที่สถาบันอนาคตไทยศึกษา หรือสถาบัน ThailandFuture

อุตตมเปิดตัวทีมไทยแลนด์ฟิวเจอร์

“ในฐานะประธานคณะที่ปรึกษาให้ทีมงานซึ่งประกอบด้วยคนรุ่นใหม่เป็นส่วนใหญ่จากหลายภาคส่วน ผมเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่างานของสถาบันแห่งนี้จะเป็นประโยชน์ต่อสังคม และประเทศชาติโดยเฉพาะช่วงที่เราเผชิญกับวิกฤตโควิด- 19รวมทั้งการที่ประเทศไทยจะก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นใจ สามารถจัดการความท้าทายใหม่ๆตลอดจนสร้างโอกาสใหม่ๆให้คนไทยทั้งในรุ่นนี้และรุ่นต่อๆไปได้อย่างเต็มที่”นายอุตตม ย้ำ

นายอุตตมยังได้กล่าวถึงแนวทางและเป้าหมายของสถาบันแห่งนี้สั้นๆว่าความจริงสถาบันอนาคตไทยศึกษาหรือ ThailandFuture ได้ดำเนินงานมาระยะหนึ่งแล้ว แต่ด้วยความเปลี่ยนแปลงของโลกอย่างรวดเร็วในทุกมิติทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม การศึกษาและอื่นๆโดยมีเทคโนโลยีเป็นตัวผลักดันแบบก้าวกระโดดสถาบันฯก็ได้ปรับเปลี่ยนขบวนการทำงานให้สอดคล้องกับสถานการณ์และแนวโน้มของการเปลี่ยนแปลงในอนาคต วันนี้ถือเป็นวันที่สถาบัน ThailandFutureเปิดตัวอย่างเป็นทางการด้วยทีมงานใหม่

สำหรับแนวทางการทำงานของสถาบันฯคือมุ่งสร้างสรรค์ความร่วมมือกับทุกภาคส่วน ในการค้นหาและนำเสนอนโยบายการพัฒนาประเทศผ่านเวทีเปิด หรือ Open Platform เพื่อเชิญชวนให้ทุกคนที่สนใจได้มาร่วมกันคิด ร่วมกันออกแบบและนำเสนอนโยบายต่างๆ ด้วยความคล่องตัวเพราะ ThailandFuture ถือเป็นเวทีกลางที่มีความอิสระเปิดให้ทุกฝ่ายได้แสดงความคิดเห็น โดยสิ่งสำคัญที่สุด ThailandFutureมุ่งมั่นที่จะช่วยสนับสนุน ส่งเสริม ให้นโยบายสาธารณะที่เราร่วมกันนำเสนอนั้น ได้รับการนำไปสู่ภาคปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมด้วยพลังของภาคีเครือข่ายจากทุกภาคส่วน และผลงานใดๆของThailandFuture ทุกฝ่ายสามารถนำไปใช้ได้ ทั้งภาคประชาชน ภาครัฐ ภาคเอกชนผู้ประกอบการและอื่นๆ

“วันนี้ ThailandFuture ได้เริ่มขับเคลื่อนแล้วภายใต้การรวมตัวกันของกลุ่มคนที่หลากหลาย ทั้งด้านอาชีพ ประสบการณ์ และช่วงอายุ ผมขอเรียนเชิญทุกท่านมาร่วมกันคิด วิเคราะห์ ตกผลึกเพื่อตอบโจทย์ของประเทศและประชาชน ผมเชื่อว่าอนาคตของประเทศไม่สามารถถูกกำหนดได้โดยคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่คนไทยทุกคนสามารถและสมควรจะมีส่วนร่วมในการกำหนดอนาคตประเทศได้ขอบคุณครับ”นายอุตตมย้ำ

พร้อมให้ติดตามทีม Thailand Future ที่ https://bit.ly/2V8Fmnx

เปิดตัวทีมไทยแลนด์ฟิวเจอร์

สำหรับ ทีมไทยแลนด์ฟิวเจอร์ ล้วนเป็นที่รู้จักมาจากหลายกลุ่มอาชีพ มีประสบการณ์หลากหลาย อาทินายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ อดีตที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี หลานชายนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกฯฝ่ายเศรษฐกิจ นายธราธร รัตนนฤมิตร ผู้เชี่ยวชาญเรื่องยุทธศาสตร์เชิงกลยุทธ์ น.ส.ประกาย ธีระวัฒนากุล ผู้มีส่วนร่วมในการทำยุทธศาสตร์ ไทยแลนด์ 4.0 นายณภัทร จาตุศรีพิทักษ์ ผู้เชี่ยวชาญด้าน Data-driven public policy ด้วยเทคนิคทางเศรษฐมิติและมีประสบการณ์ให้คำปรึกษาองค์กรระดับชาติ บุตรชายนายสมคิด ทั้ง 4 คน เป็นคณะผู้บริหาร

โดยคณะที่ปรึกษาฯมีนายอุตตม เป็นประธาน นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เป็นรองประธาน ส่วน น.ส.จรีพร จารุกรสกุล นายวิเชฐ ตันติวานิช นายสมประวิณ มันประเสริฐ นายสุภรัฐ จิราธิวัฒน์ นายโตมร ศุขปรีชา นายธานี ชัยวัฒน์ นายวีระชาติ กิเลนทอง นายโอฬาร วีระนนท์ น.ส.เอด้า จิรไพศาลกุล นายวิโรจน์ จิรพัฒนกุล และนายอุกฤษ อุณหเลขกะ มาเป็น ที่ปรึกษา ด้วย

‘สิระ’เสนอให้ล๊อคดาวน์รัฐสภา

ที่รัฐสภา นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) กล่าวถึงสถานการณ์แพร่ระบาดไวรัสโควิด-19ในประเทศไทยว่า เมื่อเช้าตื่นขึ้นมาน้ำตาไหลที่ยอดผู้ติดเชื้อสูงถึง7,000 กว่าราย เสียชีวิต 75 คน ทำให้สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น อยากเรียกร้องให้ศบค.มาชี้แจงกับประชาชน ว่าจะยับยั้งความสูญเสียได้อย่างไรบ้างจะล็อกดาวน์หรือไม่ ขณะนี้จำนวนเตียงที่จะรองรับผู้ป่วย ก็ไม่มีแล้ว จึงขอเสนอให้ล็อคดาวน์แห่งแรกควรจะเป็นที่รัฐสภา ผู้ไม่เกี่ยวข้อง ไม่ควรจะเข้ามาที่รัฐสภา หากไม่มีญัตติที่สำคัญ และหากเว้นไปสัก 2-3 สัปดาห์แล้ว ไม่ทำให้บ้านเมืองเสียหาย ก็เลื่อนประชุม แต่ กมธ.งบประมาณ มีเวลาจำกัดอยู่แล้ว ก็ให้ประชุมเฉพาะกมธ.งบประมาณ ก็เพียงพอ ซึ่งวิป 4 ฝ่าย มีข้อสรุปแล้วว่าให้ กมธ.งดประชุม แต่มีกมธ.บางคณะยังคงประชุมอยู่ ไม่ให้ความร่วมมือ วันนี้ไม่ต้องเกรงใจใคร เราต้องคำนึงถึงชีวิตประชาชน ถ้าปล่อยไว้อย่างนี้ คนไทยทั้งประเทศจะเดือดร้อน

หนุนสละเงินเดือนช่วยเหลือปชช.

ทั้งนี้นายสิระ ยังเห็นด้วยที่มีการเสนอให้ ส.ส.-ส.ว.สละเงินเดือนส่วนหนึ่งเพื่อช่วยเหลือประชาชน โดยตนกำลังให้ฝ่ายกฎหมายดูอยู่ว่า ผิดกฎหมายหรือไม่ ซึ่วตนกับเพื่อนๆได้รวบรวมเงินก้อนหนึ่งโดยจะไปติดต่อบริษัทที่นำเข้าวัคซีน เพื่อขอซื้อวัคซีนทางเลือกเหมือน ที่โรงพยาบาลเอกชนนำเข้า จะนำมาฉีดให้ประชาชนโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเพื่อให้สามารถเข้าถึงวัคซีนได้เร็วที่สุด

‘ชวน’ย้ำประชุมสภาปกติ/ไม่ล็อกดาวน์

ด้าน นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฏรกล่าวถึงกรณีนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ เสนอให้การล็อกดาวน์รัฐสภาว่า ตนได้ไปเยี่ยมห้องอนุกรรมาธิการงบประมาณ2565 พบข้าราชการมารอชี้แจงจำนวนมากซึ่งน่าเป็นห่วง จึงมอบหมายให้เลขาสภาผู้แทนราษฎรไปติดตามเรื่องนี้ พร้อมกำชับว่า ผู้ที่มาชี้แจง หรือ ผู้ติดตามให้ระมัดระวังเป็นพิเศษ โดยที่ผ่านมาสภาได้ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีจึงได้แต่ย้ำให้ระมัดระวังรวมถึงสื่อมวลชนก็จะต้องระมัดระวังเป็นพิเศษเช่นกัน

เมื่อถามว่าสภาผู้แทนราษฏรยังเดินหน้าการประชุมใช่หรือไม่ นายชวน กล่าวว่า มีการประชุมตามปกติ แต่จะมีปัญหาอยู่หนึ่งเรื่องคือการประชุมกฎหมายที่ค้างอยู่ เช่น พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ยาเสพติด ซึ่งรัฐมนตรีได้มีการเร่งรัดให้แล้วเสร็จ ก็จะนำไปหารือกับทุกฝ่าย ทั้งวุฒิสภา รัฐบาลและ ฝ่ายค้านว่าจะพร้อมในช่วงใด เพื่อขอเวลา 1วันในการพิจารณาให้แล้วเสร็จ เพราะมีผู้รอใช้กฎหมายอยู่

ขอประเมินสถานการณ์เป็นระยะ

เมื่อถามว่าศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) กำลังพิจารณาให้มีการล็อกดาวน์กทม.นั้น นายชวน กล่าวว่า เรื่องนี้จะพิจารณาเป็นระยะไปขณะนี้ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเพียง แต่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ ภายใต้สถานการณ์ที่วัคซีนไม่สามารถกระจายได้ทั่วประเทศ ตนจึงบอกตลอดว่า พวกเราต้องปฎิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัด เพื่อช่วยลดความเสี่ยงและลดจำนวนผู้ติดเชื้อ เพื่อลดภาระให้กลุ่มด้านหน้า แพทย์ และพยาบาล

สภาจวกยับปูดข่าวสส.ขอฉีดเข็ม 3

วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่1 เป็นประธาน ก่อนเข้าสู่วาระการประชุมได้มี ส.ส.ลุกขึ้นหารือกรณีที่มีการพูดถึง ส.ส.ขอฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 เข็มที่ 3และการพิจารณากระทู้ถามสด ที่ไม่มีรัฐมนตรีร่วมชี้แจง มีเพียงนายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย มารอตอบกระทู้เพียงคนเดียว

นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานวิปรัฐบาล ชี้แจงกรณีที่มีสื่อมวลชนเผยแพร่ข่าวว่า สภาฯ ปิดประชุมเพื่อหนีองค์ประชุมล่ม ว่า เมื่อวันที่ 7 ก.ค.มีส.ส.เข้าร่วมประชุม กมธ.วิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 65 ขณะนี้เร่งพิจารณาและจะเสร็จ ประมาณวันที่ 25-27 ก.ค.ซึ่งในกมธ. มีส.ส.ประมาณ 42 คน และในคณะอนุกมธ.ทั้ง 9คณะอีกคณะละ10 คน แม้ผู้แทนราษฎร ไม่อยู่ในห้องประชุมสภาฯ แต่อยู่ในสภาฯตลอด ยืนยันว่าประชุมวิป4 ฝ่ายไม่มีใครเสนอหรือมีมติให้ฉีดวัคซีนเข็ม 3ให้ส.ส.จากการสอบถามไม่พบว่าต้นตอมาจากที่ใด

นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย กล่าวเช่นกันว่าผลประชุมวิป 4 ฝ่าย ไม่มีมติให้หาวัคซีนเข็มที่ 3 คนที่ไปให้ข่าว ต้องรับผิดชอบ “ผมไม่สบายใจเมื่อวานเป็นข่าวทุกช่อง คนที่ไปแถลงข่าวเรื่องนี้ต้องขอโทษสภาแห่งนี้ ถ้าเป็นสมาชิกให้ตั้งกรรมการสอบว่า มีจุดประสงค์อะไร ทำลายสภากันเองคิดว่าจะมีชื่อเสียงเหรอ คิดว่าจะได้ข่าว ถ้าคิดอย่างนั้น คุณเป็นคนที่โง่มาก ดักดาน หิวแสง”นพ.ชลน่าน ย้ำ

นายชินวรณ์ บุญยเกียรติ ส.ส.จังหวัดนครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะวิปพรรคร่วมรัฐบาล ชี้แจงว่ารู้สึกไม่สบายใจ ข่าวที่เกิดขึ้นว่า ส.ส.ควรจะฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 เรื่องนี้ไม่ควรเสียหายจากความไม่รับผิดชอบของ ส.ส. บางคนที่นำเรื่องที่ไม่ได้ศัพท์ จับไปกระเดียด ทำให้รัฐสภาเสียหาย ขอยืนยันว่าไม่มีใครสักคนที่พูดถึง หรือเรียกร้องให้มีการฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 ให้กับสมาชิกรัฐสภา

รองฯสุชาติโร่ขออภัย/ไม่ใช่มติสภา

จากนั้นนายสุชาติ ชี้แจงและยืนยันว่า เมื่อวันที่ 6 ก.ค.เป็นการประชุม4ฝ่าย ได้ปรึกษาหารือกันว่าควรจะดำเนินการประชุมต่อไป หรือ ควรจะหยุดชั่วคราว ซึ่งมติการดำเนินการต่อไปต้องมีมาตรการเข้มข้น การเข้าห้องประชุมต้องตรวจ ในการประชุมเรา พูดถึงภาพรวมของประเทศว่าจะต้องมีการกระตุ้นภูมิ แต่ไม่ได้พูดว่าเป็นมติของสภาจะฉีดวัคซีนเข็ม 3

“ผมยืนยันไม่มีมติดังกล่าว ผู้ที่ให้ข่าว ผมต้องกราบขออภัย และขอโทษ ไม่มี อาจจะคาดเคลื่อนจากผู้ให้ข่าว หรือคลาดเคลื่อนจากการรับข่าว ที่ข่าวผิดพลาดออกมาผมต้องขอโทษข่าวที่ออกมาผิดพลาดไม่ตรงกับข้อเท็จจริงใด เราไม่มีมติใดๆบังคับให้ฉีดวัคซีนเข็มที่3 แต่รัฐบาลควรจะดำเนินการกันทั้งประเทศ ส่วนผู้ที่ให้ข่าวเดี๋ยวผมจะดูว่าเป็นใคร และจะเรียกมาคุย ปรึกษาว่าจะดำนเนินการอย่างไรต่อไป”นายสุชาติ กล่าว