บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) ในฐานะบริษัทชั้นนำด้านพลังงาน ซึ่งขับเคลื่อนองค์กรด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาอย่างต่อเนื่อง ได้พัฒนา “วังจันทร์วัลเลย์” เนื้อที่ราว 3,454 ไร่ ในพื้นที่ อ.วังจันทร์ จ.ระยอง ซึ่งระยองนั้นอยู่ใน 3 จังหวัดตามโครงการ “เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC)” ร่วมกับชลบุรีและฉะเชิงเทรา และวังจันทร์วัลเลย์ เป็นส่วนหนึ่งของ “เขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EECi)” มุ่งสร้างความเป็นเมืองที่มีทั้งสำนักงาน ศูนย์วิจัย สถาบันการศึกษา และพื้นที่การใช้ชีวิต อาทิ สนามเด็กเล่น ที่พักอาศัย โรงพยาบาล ฯลฯ ให้คนเก่งได้มาเจอกัน พูดคุยแลกเปลี่ยนไอเดีย พัฒนานวัตกรรมไปด้วยกัน
ย้อนไปราว 8 - 9 ปีก่อน ปตท. มีความตั้งใจพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สร้างนวัตกรรมเพื่อคนไทย ซึ่งในขณะนั้น ปตท. มีพื้นที่ใน จ.ระยอง ประมาณ 3,000 กว่าไร่ โดยในช่วงแรกๆ ของการพัฒนาพื้นที่ดังกล่าว ปตท. ได้ก่อตั้งสถาบันการศึกษา โรงเรียนกำเนิดวิทย์ (KVIS) สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย และ สถาบันวิทยสิริเมธี (VISTEC) มหาวิทยาลัยระดับปริญญาโท-ปริญญาเอก ที่มีความสามารถพิเศษด้านวิทยาศาสตร์
เมื่อมองออกไปยังต่างประเทศ พบว่า “ประเทศที่พรั่งพร้อมด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยี การเจริญเติบโตมักจะเป็นไปแบบก้าวกระโดด” ทำให้รัฐบาลไทยช่วงปี 2560 มอบหมายให้เจ้าภาพหลักคือ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) หน่วยงานในกำกับของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ทำหน้าที่พัฒนานวัตกรรม และ ปตท. ก็ได้รับมอบหมายให้พัฒนาเมืองนวัตกรรมร่วมกับ สวทช.
สำหรับภาครัฐนั้นให้ความสำคัญกับเมืองนวัตกรรมมาก เห็นได้จาก สวทช. เข้ามาตั้งสำนักงานใหญ่ที่วังจันทร์วัลเลย์ ซึ่งจะเริ่มเปิดทำการบางส่วนในปี 2565 รวมถึง สถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน (องค์การมหาชน) จะเข้ามาตั้งในอนาคต หรือการส่งเสริมให้มีพื้นที่ทดสอบยานยนต์สมัยใหม่ เป็นต้น ขณะที่ภาคเอกชน มุ่งหวังพื้นที่นี้เป็น “จุดเชื่อม” ระหว่างธุรกิจขนาดใหญ่กับสตาร์ทอัพหรือกิจการขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) ในการพัฒนานวัตกรรมให้เข้ามาสนับสนุนนวัตกรรมสู่การใช้งานจริงในธุรกิจ
ด้านภาคการศึกษา ซึ่งพื้นที่วังจันทร์วัลเลย์ ดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2558 ถือว่ามีความพร้อมพอสมควร จะมีการชักชวนมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง ตลอดจนบริษัทที่โดดเด่นด้านเทคโนโลยี เช่น หุ่นยนต์ (Robotics) ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ให้เข้ามาร่วมจัดทำหลักสูตร ทั้งหมดนี้ภายใต้โครงสร้างพื้นฐานแบบ “เมืองอัจฉริยะ (Smart City)” ทั้งไฟฟ้า น้ำประปา อินเทอร์เน็ตไร้สาย ระบบรักษาความปลอดภัย ฯลฯ
อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยมีความท้าทายอยู่ 2 ประการ คือ 1.คนเก่งและองค์ความรู้มีอยู่แต่กระจัดกระจาย ทำอย่างไรจึงจะนำมาอยู่รวมกัน 2.คนเก่งและองค์ความรู้มีอยู่แต่ไม่เพียงพอ จะสร้างเพิ่มได้อย่างไร
ดังนั้นวังจันทร์วัลเลย์ จึงมีแผนดึงคนเก่งทั้งผู้ประกอบการธุรกิจสตาร์ทอัพ หรือ SME เพื่อให้คนกลุ่มนี้ได้เข้ามาอยู่ในเครือข่าย สร้างความเข้มแข็ง เติบโตและทำตามเป้าหมายได้สำเร็จ “วังจันทร์วัลเลย์มีความพิเศษ เพราะมีการจับมือกับหลายหน่วยงานเพื่อช่วยให้นวัตกรรมสำเร็จอย่างรวดเร็ว” จากความพร้อมทั้งองค์ความรู้ บุคลากร และโครงสร้างพื้นฐาน
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่สำคัญกว่าคือ “ความร่วมมือของคนไทยทุกภาคส่วน” ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ เอกชน การศึกษา ฯลฯ เพื่อให้เกิด Smart City ที่สมบูรณ์แบบได้ในที่สุด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี