นายพงศภัค นครศรี ประธานเจ้าหน้าที่สายงานขายและการตลาด บริษัท สายไฟฟ้าบางกอกเคเบิ้ล จำกัด หรือ Bangkok Cable (BCC) ผู้นำด้านการผลิตและพัฒนาสายไฟฟ้าและสายเคเบิลชั้นนำของประเทศไทย กล่าวว่า บริษัทยังคงมุ่งมั่นเดินหน้าขยายพอร์ตฟอลิโอธุรกิจพลังงานสะอาดอย่างต่อเนื่อง เพื่อต่อยอดจากธุรกิจสายไฟฟ้าที่แข็งแกร่งอยู่แล้ว สู่การสร้างโซลูชันครบวงจรด้านพลังงานไฟฟ้าตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ตอบโจทย์เมกะเทรนด์ด้านพลังงานสะอาดที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วทั้งในประเทศและภูมิภาค ล่าสุด บริษัทเตรียมส่งบริษัท ไอออน เอนเนอร์ยี่ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (ION Energy) บริษัทในเครือ เดินหน้ารุกตลาดโซลาร์รูฟสำหรับบ้านทั่วไปอย่างเต็มรูปแบบ
“เรามองว่าตลาดโซลาร์รูฟมีศักยภาพสูงโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อภาครัฐออกมาตรการลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสูงสุด 200,000 บาทสำหรับบ้านที่ติดตั้งโซลาร์รูฟ ทำให้ความต้องการของผู้บริโภคขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยรัฐบาลได้ตั้งงบประมาณสนับสนุนมาตรการนี้ไว้ราว 20,200 ล้านบาท และตั้งเป้าให้มีครัวเรือนเข้าร่วมโครงการกว่า 90,000 หลังภายใน 2 ปี ION Energy มีจุดแข็งจากประสบการณ์ติดตั้งโซลาร์รูฟให้แก่โครงการที่อยู่อาศัยขนาดใหญ่ การให้ ION Energy ลงมาเล่นตลาดบ้านทั่วไปเพิ่มเติม จึงเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน สร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ และช่วยส่งเสริมการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางด้านสิ่งแวดล้อมของบริษัท” นายพงศภัค กล่าว
ทั้งนี้ ที่ผ่านมา ION Energy ดำเนินธุรกิจหลัก 3 กลุ่ม ได้แก่ 1.การลงทุนติดตั้งโซลาร์ฟรีผ่านสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (Solar PPA) ให้แก่กลุ่มลูกค้าเชิงพาณิชย์และอุตสาหกรรม อาทิ โรงแรมเดอะ สแตนดาร์ด หัวหิน, โรงงานผลิตโก๋แก่ และบริษัทในเครือ ปตท. 2.การรับเหมาจัดหาและติดตั้งแผงโซลาร์แบบขายขาด (Solar EPC) สำหรับลูกค้าในภาคที่อยู่อาศัยและการพาณิชย์ เช่น โรงงานในกลุ่ม SCGP, สาขาธนาคารกสิกรไทย (KBank) และธนาคารออมสิน (GSB) ทั่วประเทศ รวมถึงโครงการที่อยู่อาศัยขนาดใหญ่และบ้านพักอาศัยทั่วไป โดยใช้อุปกรณ์คุณภาพสูง อาทิ สายไฟของบางกอกเคเบิ้ล (BCC) ที่ออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อรองรับระบบโซลาร์อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ 3.เทคโนโลยีด้านพลังงานอัจฉริยะ (Solar Tech) ผ่านแพลตฟอร์มบริหารจัดการพลังงานที่ออกแบบและพัฒนาโดย ION Energy เอง รองรับการเชื่อมต่อกับอินเวอร์เตอร์จากผู้ผลิตชั้นนำหลากหลายแบรนด์ และสามารถผสานการทำงานร่วมกับระบบของผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เช่น PLUS เพื่อมอบประสบการณ์ใช้งานที่ไร้รอยต่อ (seamless experience) ให้แก่ผู้อยู่อาศัย พร้อมความสามารถในการติดตามและบริหารการใช้พลังงานของบ้านแต่ละหลังแบบเรียลไทม์ ปัจจุบัน ION Energy มียอดติดตั้งโซลาร์รูฟสะสมแล้วกว่า 80 เมกะวัตต์ ครอบคลุมทั้งภาคที่อยู่อาศัย ธุรกิจ และอุตสาหกรรมทั่วประเทศ
นายพีรกานต์ มานะกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไอออน เอนเนอร์ยี่ คอร์ปอเรชั่น จำกัด หรือ ION Energy ผู้ให้บริการโซลูชันพลังงานแสงอาทิตย์แบบครบวงจร เปิดเผยว่า ตลาดโซลาร์รูฟในปัจจุบันมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีผู้ประกอบการรายใหม่ก้าวเข้าสู่ตลาดมากขึ้นเรื่อยๆ สะท้อนถึงความสนใจของภาคประชาชนและภาคธุรกิจต่อพลังงานสะอาดที่เพิ่มสูงขึ้น ทั้งนี้ องค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศด้านพลังงานหมุนเวียน (CASE for SEA) ได้ประเมินว่า ศักยภาพของตลาดโซลาร์รูฟภาคครัวเรือนในประเทศไทยอาจสูงถึง 9,000 เมกะวัตต์ภายในปี 2037 ซึ่งคิดเป็นมูลค่าตลาดรวมกว่า 360,000 ล้านบาท สะท้อนให้เห็นว่าตลาดยังมีโอกาสในการเติบโตอีกมหาศาล และเป็นจังหวะสำคัญที่ทุกภาคส่วนควรร่วมกันขับเคลื่อน เพื่อสร้างประโยชน์อย่างยั่งยืนทั้งในระดับเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม
อย่างไรก็ตาม ผู้บริโภคจำนวนไม่น้อยยังขาดความรู้ความเข้าใจในหลายประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการติดตั้งโซลาร์รูฟ ไม่ว่าจะเป็นระบบการทำงาน ขนาดการติดตั้งที่เหมาะสม ความแตกต่างของอุปกรณ์ในท้องตลาด ไปจนถึงประโยชน์ที่แท้จริงที่ผู้ใช้จะได้รับ รวมถึงรายละเอียดของมาตรการสนับสนุนจากภาครัฐ เช่น สิทธิ์การลดหย่อนภาษีที่จะประกาศใช้ในอนาคตอันใกล้ ด้วยประสบการณ์อันแข็งแกร่งของ ION Energy ในการติดตั้งโซลาร์รูฟให้แก่โครงการที่อยู่อาศัยของบริษัทยักษ์ใหญ่ในวงการอสังหาริมทรัพย์ บริษัทจึงได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในฐานะเบอร์หนึ่งด้านโซลาร์รูฟภาคที่อยู่อาศัย ที่ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำเลือกใช้ อาทิ แสนสิริ ศุภาลัย เอสซี แอสเสท และเอพี (ไทยแลนด์) โดยมีผลงานติดตั้งแล้วมากกว่า 6,000 หลังคาเรือนทั่วประเทศ สะท้อนถึงมาตรฐานคุณภาพและความเชื่อมั่นจากผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ
“เรามีความพร้อมในทุกมิติ ทั้งทีมงานเทคนิคที่มีประสบการณ์สูง เทคโนโลยีที่ใช้งานง่าย ตอบโจทย์ครบทุกความต้องการ ตลอดจนองค์ความรู้ด้านโซลาร์ที่เรามุ่งมั่นส่งต่อให้ผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ เราเชื่อว่ามาตรการจากภาครัฐที่ประกาศใช้ในปีนี้ จะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ช่วยเร่งการเติบโตของตลาดโซลาร์รูฟอย่างก้าวกระโดด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีแก่ผู้ติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์ภาคครัวเรือน ซึ่งถือเป็นมาตรการเชิงบวกที่ช่วยกระตุ้นให้ประชาชนหันมาใช้พลังงานสะอาดได้มากขึ้น ช่วยลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงเทคโนโลยีพลังงานสะอาด เปิดโอกาสให้กลุ่มผู้มีรายได้ปานกลางถึงน้อยสามารถติดตั้งโซลาร์รูฟได้มากขึ้น อีกทั้งยังส่งผลบวกต่อห่วงโซ่อุตสาหกรรมพลังงานสะอาดโดยรวม ทั้งในด้านการผลิต การติดตั้ง การจ้างงาน และบริการหลังการขาย ซึ่งทั้งหมดนี้จะเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานของประเทศอย่างยั่งยืน” นายพีรกานต์ กล่าว
- 030
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี