วันจันทร์ ที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
คนไทยและคนจีนมีความสัมพันธ์ด้านประวัติศาสตร์และสายเลือดมากว่า 700 ปี ตั้งแต่ก่อนสมัยกรุงสุโขทัยเป็นราชธานีจนถึงสมัยปัจจุบัน จากยุคเส้นทางสายแพรไหมทางทะเล จนมาถึงยุคหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (Belt and Road Initiative) คนจีนจากหลายมณฑลจำนวนหลายล้านคน ได้อพยพหนีภัยสงครามและความอดอยากแร้นแค้น แบบมีแค่เสื่อผืนหมอนใบ มาพักอาศัยและค้าขายในกรุงสยาม ประเทศไทย จนมีฐานะดีขั้นมหาเศรษฐี คนไทยเชื้อสายจีนหลายคนได้ดำรงตำแหน่งสูงถึงขั้นเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย ในสมัยปัจจุบันมีนักศึกษาจีนมาเรียนระดับปริญญาในประเทศไทยปีละหลายหมื่นคน และมีนักธุรกิจจีนรุ่นใหม่มาทำธุรกิจในประเทศไทยจำนวนมาก สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี ทรงมีความรู้ภาษาจีนอย่างดี เคยเสด็จฯไปเยือนจีนทุกมณฑล รวมกว่า 40 ครั้ง มีการส่งสินค้าไทยไปขายจีนปีละกว่า 1 ล้านล้านบาท และมีสินค้าจีนมาขายไทยปีละกว่า 2 ล้านล้านบาท
บันทึกจีนสมัยราชวงศ์ฮั่นตะวันตก (ราว พ.ศ.500 ถึง 800) ระบุว่ามีการเดินเรือทะเลระหว่างจีนกับอินเดีย
ราว พ.ศ.1865 - 1870 กว่า 700 ปีมาแล้ว สมัยกรุงสุโขทัยเป็นราชธานี มีการติดต่อทางการทูตระหว่างสุโขทัยกับราชวงศ์หยวนของจีนสมัยจักรพรรดิกุบไลข่าน ถึง 14 ครั้ง สินค้าไทยที่ส่งไปจีน ได้แก่ ช้าง งาช้าง เครื่องเทศ ไม้หอม ขณะที่จีนส่งสินค้ามาคือ ผ้าไหม เครื่องถ้วยชาม เครื่องทอง เครื่องเงิน มีการสร้างเตาทุเรียงผลิตเครื่องเคลือบดินเผาสีเขียวสังคโลก หรือ ศิลาดล โดยใช้เทคโนโลยีจีน จนสามารถส่งเครื่องถ้ายของสุโขทัยไปขายถึงต่างประเทศ เช่น อินโดนีเซีย
สมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานีกับสมัยราชวงศ์หมิงและราชวงศ์ชิงของจีน มีการติดต่อค้าขายด้วยเรือสำเภา โดยเฉพาะในสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ (พ.ศ.1991 - 2031) และสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช (พ.ศ.2199 - 2231) มีชุมชนชาวจีนใหญ่ตั้งร้านขายสินค้า บริเวณ คลองนายก่าย และประตูจีน ใกล้วัดสุวรรณดารามและป้อมเพชร ตรงข้ามวัดพนัญเชิง มีข้าราชการตำแหน่งโกษาธิบดีจีนคอยดูแลคนและการค้ากับจีนโดยเฉพาะ มีการส่งข้าวสารไทยจำนวนมากไปขายที่เมืองจีน
สมัยกรุงธนบุรี มีการติดต่อกับจีนมากเพราะสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงเป็นคนไทยเชื้อสายจีนแต้จิ๋ว ทหารไทยจีนได้มีบทบาทสำคัญในการกู้เอกราชของชาติไทยจากพม่า พ.ศ.2314 มีการส่งทูตไทยไปเจริญสัมพันธไมตรีกับราชวงศ์ชิง
สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น มีการค้าขายกับจีนมากขึ้น พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ทรงแต่งสำเภาขนสินค้าสยามไปขายที่เมืองจีน จนมีเงินผลกำไรเก็บใส่ถุงแดงไว้ใช้เสียค่าปรับให้แก่ฝรั่งเศสสมัยรัชกาลที่ 5 วัดหลายแห่งที่สร้างในรัชกาลที่ 1 ถึง 3 ใช้ตุ๊กตาหินจีนเป็นเครื่องประดับเช่นวัดพระศรีรัตนศาสดาราม วัดพระเชตุพน
สมัยสงครามจีน - ญี่ปุ่น (พ.ศ.2480 - 2488) คนไทยเชื้อสายจีนจำนวนมากส่งเงินไปช่วยจีนต่อสู้กับญี่ปุ่น พ.ศ.2518ในสมัยที่พรรคคอมมิวนิสต์จีนภายใต้การนำของเหมาเจ๋อตุงครองอำนาจ มรว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ได้เดินทางไปกรุงปักกิ่ง แล้วสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นทางการระหว่างไทยกับจีน ทำให้พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยสลายตัว และเวียดนามหยุดส่งกำลังรุกรานประเทศไทย
ในสมัยปัจจุบันลูกจีนในเมืองไทยจำนวนมาก มีอากง อาม่า ที่อพยพมาจากซัวเถา จากไหหลำ แต้จิ๋ว กวางตุ้ง กวางเจา ของจีน มาตั้งรกรากในเมืองไทย จนกลายเป็นคนไทยไปแล้ว มีนักศึกษาจีนระดับปริญญาหลายหมื่นคนเข้ามาเรียนในประเทศไทย เช่น มหาวิทยาลัยเกริก ชินวัตร สแตมฟอร์ด ธุรกิจบัณฑิต ราชภัฏ นักท่องเที่ยวจีนหลายล้านคนนิยมมาเที่ยวเมืองไท และมีนักธุรกิจจีนจำนวนมากมาลงทุนในประเทศไทย มีการเตรียมการสร้างรถไฟความเร็วสูงในประเทศไทยโดยอาศัยเทคโนโลยีจากจีน กองทัพไทยสั่งซื้อเรือรบ เรือดำน้ำ รถถังและอาวุธจากจีน คำศัพท์บางคำในภาษาจีน กลายเป็นภาษาไทยที่ใช้แพร่หลาย เช่น ก๋วยเตี๋ยว โจ๊ก ปาท่องโก๋ อั๊ว ลื้อ เฮีย ตี๋ เจ๊
จีนเป็นตลาดส่งออกอันดับที่ 1 ของไทย ในปี 2567 มูลค่า 1.2 ล้านล้านบาท โดยมีสินค้าสำคัญ คือ ผลไม้สด/แช่แข็ง (ทุเรียน มะพร้าว กล้วย ส้ม) ผลิตภัณฑ์อลูมิเนียม มันสำปะหลัง ไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ ไก่สดแช่เย็นแช่แข็ง ผลิตภัณฑ์ยาง เม็ดพลาสติก ฮารฺดไดรฟ์ แผงวงจรรวม ชิ้นส่วนโทรศัพท์และคอมพิวเตอร์ น้ำตาล จักรยานยนต์ ไอศรีม ขิง ขมิ้น ดอกไม้ ไข่มุก น้ำมันปาล์ม ถุงยางอนามัย กระดาษชำระ มณฑลของจีนที่ซื้อสินค้าไทยมาก ได้แก่ กวางตุ้ง เจียงซู เซี่ยงไฮ้ ปักกิ่ง เจ้อเจียง ชานตง ฝูเจี้ยน
สินค้านำเข้าจากจีนมาไทย ในปี 2567 ราว 2.8 ล้านล้านบาท เป็นเครื่องไฟฟ้า อิเลกทรอนิกส์ เครื่องจักรกล เคมีภัณฑ์ ยานยนต์ ผลิตภัณฑ์โลหะ ผลิตภัณฑ์พลาสติก ผลไม้สด เสื้อผ้ารองเท้า เครื่องใช้ในบ้าน ของใช้ในครัว กลุ่มธุรกิจไทยเชื้อสายจีน เช่น ซีพี เจริญโภคภัณฑ์ เป็นนักลงทุนรายใหญ่ในประเทศจีน ในด้านการเกษตรและศูนย์การค้า
โดย อาทร จันทวิมล
ขอบคุณภาพจาก www.silpa-mag.com
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี