วันพฤหัสบดี ที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / โลกธุรกิจ
สอท.ชี้ปัจจัยเสี่ยง  ขาดแรงงานต่างด้าว8แสนคน

สอท.ชี้ปัจจัยเสี่ยง ขาดแรงงานต่างด้าว8แสนคน

วันศุกร์ ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564, 06.00 น.
Tag :
  •  

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.)เปิดเผยว่า ส.อ.ท.กำลังติดตาม 3 ปัจจัยเสี่ยงต่อภาคการผลิตและเศรษฐกิจไทยอย่างใกล้ชิดเนื่องจากจะกระทบต่อต้นทุนการผลิตในภาพรวมที่ต้องปรับตัวสูงขึ้นและสะท้อนไปยังราคาสินค้าที่อาจบั่นทอนแรงซื้อประชาชนที่ลดลงได้ ประกอบด้วย

1.ต้นทุนวัตถุดิบทั้งสินค้าโภคภัณฑ์ การเกษตรที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นส่งผลให้ราคาสินค้ากลางน้ำและปลายน้ำทยอยปรับราคา 2.แรงงานต่างด้าวขาดแคลนจากผลกระทบของโควิด-19 และ 3.อัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทที่ยังมีแนวโน้มอ่อนค่า และผันผวนที่กระทบต่อการนำเข้าเครื่องจักร วัตถุดิบและพลังงาน


สำหรับปัญหาแรงงานต่างด้าวที่ไทยขาดแคลนเนื่องจากผลกระทบโควิด-19 ที่ผ่านมา ทำให้แรงงานส่วนหนึ่งได้เดินทางกลับประเทศตนเองแล้วบางส่วนยังไม่ได้กลับมาขณะที่ภาคการส่งออกที่ใช้แรงงานเข้มข้น เช่น อาหาร ขยายตัวต่อเนื่องจากยอดส่งออกที่เติบโต ทำให้แรงงานส่วนนี้ต้องการเพิ่มขึ้น และเมื่อไทยเปิดประเทศทำให้แรงงานในภาคการผลิตและท่องเที่ยว บริการต้องการเพิ่มเข้ามาอีก ซึ่งประเมินว่าแรงงานต่างด้าวที่ขาดแคลนรวมจะอยู่ราว 8 แสนคน(ภาคผลิต 3-5 แสนคนและบริการท่องเที่ยวอีก 3 แสนคน)ดังนั้นหากแรงงานเข้ามาไม่ทันกับความต้องการก็จะกระทบต่อการดำเนินธุรกิจได้ กระทรวงแรงงานจำเป็นต้องเร่งรัดการนำเข้าแบบถูกกฎหมายให้ทันกับสถานการณ์ ที่ไม่เพียงตอบสนองกับความต้องการของภาคธุรกิจแต่ยังสกัดกั้นไม่ให้เกิดการนำเข้าแรงงานเถื่อนอีกด้วย

นายเกรียงไกรกล่าวว่า ในปัจจุบันระดับราคาพลังงานทั้งน้ำมัน ถ่านหิน ฯลฯ ตลาดโลกที่เพิ่มสูงทำให้วัตถุดิบที่ใช้พลังงานปริมาณมากปรับตัวเพิ่มขึ้น เช่น เหล็ก อะลูมิเนียม ปิโตรเคมี ฯลฯ เช่นเดียวกับภาคขนส่งที่เกี่ยวข้องกับภาคการผลิตและเกษตรได้รับผลกระทบจากระดับราคาน้ำมันที่สูงเช่นกัน และล่าสุดต้องติดตามกรณีที่สหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทยได้ดีเดย์หยุดวิ่งรถขนส่งสินค้าทั่วประเทศแล้ว 20% และวันที่16 พ.ย.นี้ จัดกิจกรรม truck power 2ปิดล้อมเมือง เพื่อยกระดับกดดันรัฐบาลให้กำหนดราคาดีเซลเหลือลิตรละ 25 บาทเป็นเวลา 1 ปี ว่าจะกระทบมากน้อยเพียงใด

ขณะที่สภาวะอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทของไทยล่าสุดอยู่ในกรอบ 32.70-32.90 บาทต่อเหรียญสหรัฐ โดยมีแนวโน้มอ่อนค่าลงจากทิศทางเงินเหรียญสหรัฐที่แข็งค่าสุดในรอบปี ซึ่งค่าเงินบาทยังมีทิศทางผันผวนจากเศรษฐกิจสหรัฐฯที่เผชิญภาวะเงินเฟ้อและต้องติดตามโควิด-19ช่วงฤดูหนาวที่จะมีผลต่อเศรษฐกิจโลกปลายปีนี้ อย่างไรก็ตาม บาทอ่อนค่านั้นมีทั้งผลดีและผลเสียกล่าวคือผลดีต่อภาคการส่งออกที่จะเป็นแต้มต่อให้ไทยมากขึ้นแต่ต้องไม่ลืมว่าภาคส่งออกของไทยนั้นส่วนใหญ่ล้วนเป็นบริษัทข้ามชาติ ขณะที่ผลเสียคือการนำเข้าเครื่องจักร วัตถุดิบ และรวมถึงพลังงานจะสูงขึ้นอีกเพราะไทยยังต้องพึ่งพาการนำเข้าเป็นหลักโดยเฉพาะพลังงาน

“ราคาพลังงานตลาดโลกที่สูง วัตถุดิบที่แพง หากต้องเจอการนำเข้าก็ยิ่งเป็น 2 เด้งจากบาทที่อ่อนค่า ภาพรวมบาทอ่อนจึงมีทั้งผลดีและเสียต่อเศรษฐกิจไทย จึงต้องให้สมดุลดีสุด อย่างไรก็ตามหลังรัฐเปิดประเทศ 1 พ.ย.ที่ผ่านมา รับนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยทำให้บรรยากาศคึกคักขึ้นแต่ต่างชาติอาจยังมาได้จำกัดแม้แต่ปีหน้า เพราะจีนที่เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติหลักของไทยยังไม่มา และสิ่งสำคัญต้องควบคุมโควิด-19 ให้ดีๆ” นายเกรียงไกรกล่าว

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • \'พิชัย\'สั่ง\'คต.\'เดินหน้ารุกตลาดรองรับผลผลิตข้าว เตรียมจัดงานใหญ่ Thailand Rice Conventionปลายเดือนนี้ 'พิชัย'สั่ง'คต.'เดินหน้ารุกตลาดรองรับผลผลิตข้าว เตรียมจัดงานใหญ่ Thailand Rice Conventionปลายเดือนนี้
  • ฉางอาน พบนายกฯ เดินหน้าแผนลงทุน เตรียมผุดศูนย์ R&D หนุนไทยฐานผลิตรถพวงมาลัยขวา ฉางอาน พบนายกฯ เดินหน้าแผนลงทุน เตรียมผุดศูนย์ R&D หนุนไทยฐานผลิตรถพวงมาลัยขวา
  • TATG โชว์งบ Q1/68 กำไรโต 31% รับธุรกิจกลุ่ม Tooling พุ่ง - คุมต้นทุนเยี่ยม TATG โชว์งบ Q1/68 กำไรโต 31% รับธุรกิจกลุ่ม Tooling พุ่ง - คุมต้นทุนเยี่ยม
  • ‘ซับคอนไทยแลนด์ 2025’เดินหน้าสู่ภาคการผลิตยุคใหม่ ‘ซับคอนไทยแลนด์ 2025’เดินหน้าสู่ภาคการผลิตยุคใหม่
  • กรมพัฒนาธุรกิจการค้า จัดสัมมนา “Franchise Discovery Day กรมพัฒนาธุรกิจการค้า จัดสัมมนา “Franchise Discovery Day
  • BOI จับมืออินฟอร์มา มาร์เก็ตส์  เปิดงาน  ซับคอนไทยแลนด์  ควบคู่กับงาน อินเตอร์แมค - พลาสติกแอนด์รับเบอร์ ไทยแลนด์ 2025 BOI จับมืออินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ เปิดงาน ซับคอนไทยแลนด์ ควบคู่กับงาน อินเตอร์แมค - พลาสติกแอนด์รับเบอร์ ไทยแลนด์ 2025
  •  

Breaking News

แม่ก็คือแม่! 'ชมพู่ อารยา'เปิดตัวลุคแรกบนพรมแดงคานส์ 2025 สวยเจิดจรัสสุดๆ

‘ทวี’หยุด ‘ดีเอสไอ’ต้องไม่หยุดลุยคดี‘ฮั้วสว.’

นอนรพ. = จำคุก! ต่อไป‘คำพิพากษาศาล’ไร้ความหมาย คนมีอำนาจคงอยู่จนพ้นโทษ

แนวหน้าวิเคราะห์ : ป่วยโควิดพุ่ง 7 หมื่นราย-เสียชีวิต 19 คน ‘เปิดเทอม-ทหารใหม่’เสี่ยงเชื้อกระจาย

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved