เตรียมเฮ! "จุรินทร์"พบสมาคมชาวนาฯ ประกาศเดินหน้าประกันรายได้ปี 3 คาดงวด 3 รับส่วนต่างต้นธันวา พร้อมช่วยปุ๋ย เมล็ดพันธุ์ ส่งเสริมข้าว GI ย้ำพืชเกษตรราคาดีเกือบทุกตัว
เมื่อเวลา 11.30 น.วันที่ 25 พฤศจิกายน 2564 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พร้อมด้วย นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายบุณย์ธีร์ พานิชประไพ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน นายปราโมทย์ เจริญศิลป์ นายกสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย นายเกษม ผลจันทร์ นายกสมาคมผู้รวบรวมเมล็ดพันธุ์ข้าว นายเกรียงศักดิ์ ตาปนานนท์ อดีตนายกสมาคมโรงสี นายธนากร ฉิมพันธ์ ประธานที่ปรึกษานายกสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย ให้สัมภาษณ์ภายหลังพบปะสมาชิกสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย เพื่อประชุมหารือเรื่องปัจจัยการผลิตและติดตามโครงการประกันรายได้เกษตรกร ที่ชุมชนหมู่ 6 ก้าวหน้า แขวงคลอง 12 เขตหนองจอก กรุงเทพมหานคร
นายจุรินทร์ กล่าวว่า ได้มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันเรื่องมาตรการต่างๆในการช่วยเหลือชาวนาและเกษตรกร ซึ่งเป็นนโยบายที่ตนมีความตั้งใจเช่นเดียวกับรัฐบาล ในการช่วยชาวนา วันนี้มีการหารือกันเรื่องประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ได้แจ้งให้ทราบว่า นโยบายประกันรายได้ผู้ปลูกข้าวปี 3 จะเดินหน้าต่อไป ซึ่งเริ่มดำเนินการแล้ว สำหรับข้าวมีการจ่ายเงินส่วนต่างทั้งหมด 33 งวด จ่ายแล้ว 2 งวด ส่วนงวดที่ 3 - 33 กำลังรอการขยายเพดานวินัยการคลังจากไม่เกิน 30% เพิ่มขึ้น คาดว่าอังคารหน้าจะมีการพิจารณา จะช่วยให้ ธ.ก.ส.จ่ายเงินส่วนต่างเข้าบัญชีเกษตรกรผู้ปลูกข้าวได้โดยเร็วต่อไป
นอกจากนั้น จะมีมาตรการต่างๆ ในการช่วยลดต้นทุน เช่น
1.ปุ๋ย กระทรวงพาณิชย์ได้ดำเนินการแล้ว 2 ส่วน 1) การจัดโครงการปุ๋ยราคาถูกจำหน่ายให้กับกลุ่มเกษตรกร สหกรณ์ วิสาหกิจ ชุมชนที่เป็นรูปกลุ่ม ซึ่งจัดปุ๋ยราคาพิเศษเตรียมไว้ 4,500,000 กระสอบ ขายไปแล้ว 2,000,000 กว่ากระสอบ โดยเกษตรกรต้องรวมกลุ่มกันไปขอซื้อที่สหกรณ์จังหวัด สหกรณ์อำเภอ เกษตรจังหวัด เกษตรอำเภอ หรือสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ โดยขอให้เร่งช่วยกันซื้อเพราะราคาจะถูกกว่าท้องตลาด 20 - 50 บาทต่อกระสอบ 2) ตนลงนามถึงหน่วยงานที่รับผิดชอบเกี่ยวกับงบประมาณโดยตรงในการของบกลางให้มีเงินมาช่วยชดเชยปุ๋ยให้ลดราคาลงมา ซึ่งจะช่วยให้นอกจากกลุ่มเกษตรกรแล้ว เกษตรกรทั่วไปสามารถซื้อในท้องตลาดได้ โดยเจะช่วยกดราคาปุ๋ยในท้องตลาดประมาณกระสอบละ 50 บาท
2.เรื่องเมล็ดพันธุ์ ซึ่งเกษตรกรต้องการเมล็ดพันธุ์ที่ตรงตามความต้องการของตลาด โดยเฉพาะข้าวพันธุ์พื้นนุ่มได้บรรจุไว้ในยุทธศาสตร์ข้าวไทย ที่บังคับใช้แล้วตั้งแต่ปี 63 - 67 เป้าหมายเพิ่มข้าวพันธุ์ใหม่ 12 พันธุ์ใน 5 ปี ประการด้วย พันธุ์พื้นแข็ง 4 พันธุ์ พื้นนุ่ม 4 พันธุ์ ข้าวหอม 2 พันธุ์ ข้าวโภชนาการสูง 2 พันธุ์ ซึ่งคาดว่าสำหรับปีนี้จะมีข้าวพันธุ์ใหม่เพิ่มขึ้นประมาณ 3 พันธุ์ และจะขึ้นทะเบียนเป็นข้าวพันธุ์ใหม่ต่อไป
และที่เกษตรกรอยากเพิ่มข้าวเป็นข้าวมูลค่าสูง ต้องการเน้นการจดทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ หรือ GI ขณะนี้เราส่งเสริมโดยเฉพาะข้าว GI มีอยู่ถึง 18 ตัว จาก GI ทั้งหมด 152 ตัว และยังสนับสนุนต่อไป หากพื้นที่ไหนสามารถปรับปรุงเป็น GI ได้ กระทรวงพาณิชย์พร้อมที่จะให้การสนับสนุนต่อไป
"ตั้งแต่ตนเข้ามาดูแล เราเคยทำข้าวเปลือกแตะ 10,000 บาท เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา แต่ช่วงนี้ไม่ปกติราคาจริงลงมา ราคาข้าวแห้ง วันนี้เกวียนละ 8,000 บาทแล้ว ไม่ใช่ 5,000 บาทอย่างที่พยายามพูดว่าซื้อมาม่าได้ซองเดียว ไม่เป็นความจริง ขอย้ำว่าพืชเกษตรราคาดีทุกตัว โดยเฉพาะพืชที่ประกันรายได้ นอกจากข้าว ยางก้อนถ้วยก็สูงกว่ารายได้ที่ประกัน มันสำปะหลังตอนนี้ 2.60 - 2.80 บาท ปาล์มน้ำมันประกันที่กิโลกรัมละ 4 บาท ตอนนี้ 8-9 บาทแล้ว และข้าวโพดประกันรายได้ที่กิโลกรัมละ 8.50 บาท แต่ราคาตลาด 9 - 10 บาทแล้ว พืชเกษตรราคาตกทุกตัวไม่จริง พืชผลทางการเกษตรราคาดีเกือบทุกตัว" รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าว
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี