เมื่อวันที่ 2 ม.ค. 2565 นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รับทราบความเดือดร้อนของผู้บริโภค จากปัญหาราคาเนื้อหมูที่ปรับตัวสูงขึ้น จากต้นทุนประกอบการที่เพิ่มขึ้น ทั้งราคาอาหารสัตว์ ยารักษาโรค และโรคระบาดหมูส่งผลให้หมูในระบบมีปริมาณลดลง ราคาหมูขายปลีกหน้าเขียงมีราคาสูงขึ้น ขณะเดียวกันการที่ภาคบริการ การท่องเที่ยว ร้านอาหารกลับมาเปิดบริการได้มากขึ้น ทำให้ความต้องการบริโภคหมูโดยรวมกลับมาเพิ่มมากขึ้น
นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้กระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เร่งดูแลแก้ปัญหาราคาเนื้อหมูแพงตั้งแต่ต้นทาง-ปลายทาง ตั้งแต่ภาระเกษตรกรฟาร์มสุกร พ่อค้าคนกลาง ผู้ขายหมู
หน้าเขียง ประชาชนผู้บริโภค รวมไปถึงผู้ประกอบการร้านอาหาร เพื่อลดผลกระทบราคาหมูแพงในขณะนี้ โดยไม่ให้เสียกลไกตลาด
ขณะที่กระทรวงพาณิชย์ ได้ดำเนินตามข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี ขยายการดำเนินการโครงการพาณิชย์ลดราคา (หมูเนื้อแดง) พร้อมให้พาณิชย์จังหวัด ติดตามสถานการณ์การจำหน่ายอย่างใกล้ชิด
เข้มงวดผู้ขายในตลาดปิดป้ายแสดงราคา และขอความร่วมมือทางห้างค้าปลีก-ค้าส่ง ช่วยตรึงราคาจำหน่ายหมูเนื้อแดง ออกไปอีกระยะหนึ่ง
นายธนกรยังกล่าวว่า นายกรัฐมนตรี เข้าใจอย่างดี ราคาหมู/เนื้อหมู เป็นไปกลไกตามตลาด เมื่อสินค้ามีน้อย ความต้องการมาก ราคาก็ปรับสูงขึ้นแต่เพื่อลดผลกระทบเฉพาะหน้าทั้งเกษตรกรผู้เลี้ยงหมูและประชาชนผู้บริโภค มอบหมายคณะกรรมการพิกบอร์ด (Pig Board) เร่งหาแนวทางช่วยเหลือผู้เลี้ยงสุกรตั้งแต่ต้นทุนการผลิตสุกร สนับสนุนการพัฒนาวัคซีนหมู เพื่อลดอัตราการสูญเสียหมูเลี้ยง จากโรคระบาด รวมทั้งส่งเสริมการเข้าถึงแหล่งเงินทุนทั้งปลอดดอกเบี้ยและดอกเบี้ยต่ำ เพื่อจูงใจให้ผู้เลี้ยงหมูกลับมาเพิ่มปริมาณสุกรกลับเข้ามาสู่ระบบโดยเร็ว ทั้งนี้ ประชาชนคนไทยจะได้สามารถบริโภคหมูที่มีคุณภาพ ปลอดภัย ในราคาที่เหมาะสม
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า นายกรัฐมนตรี ยินดีกับรายงานดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาคประจำเดือนธ.ค. 2564 จากการประมวลผลข้อมูลการสำรวจภาวะเศรษฐกิจรายจังหวัดจากสำนักงานคลังจังหวัด 76 จังหวัดทั่วประเทศ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เพื่อจัดทำดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค พบว่า “ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค เดือนธันวาคม 2564 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าเกือบทุกภูมิภาค สะท้อนความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้นในอนาคตทั้งในภาคเกษตรกรรม ภาคอุตสาหกรรมและภาคบริการ โดยเฉพาะภาคใต้ ภาคตะวันออกและภาคเหนือ จากนโยบายการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ และจำนวนผู้ที่ได้รับวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
“ความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาคปรับตัวเพิ่มขึ้น สะท้อนความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้นในอนาคตทั้งภาคเกษตรกรรม ภาคอุตสาหกรรม และภาคบริการ ตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ปรับตัวดีขึ้นและจำนวนผู้ได้รับวัคซีนที่เพิ่มมากขึ้น นักท่องเที่ยวมีจำนวนเพิ่มขึ้นจากการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติและภาครัฐมีนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศ อีกด้วย รัฐบาลยังคงมุ่งมั่นเดินหน้านโยบายต่างๆ เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในปี 2565 และเชื่อมั่นว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องอย่างแน่นอน” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี