วงการผลิตอาหารสัตว์ร้องกระทรวงพาณิชย์‘ปลดล็อก’มาตรการคุมราคาสินค้าตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง ปล่อยราคาอาหารสัตว์-เนื้อสัตว์ให้เป็นไปตามกลไกตลาด หลังสงครามรัสเซีย-ยูเครน กระทบหนักทำวัตถุดิบผลิตอาหารสัตว์ขาดแคลนและราคาสูงเป็นประวัติการณ์ หวั่นเกิดผลกระทบต่อห่วงโซ่ภาคการผลิตอาหารทั้งระบบ และความมั่นคงทางอาหารของประเทศ
10 มีนาคม 2565 รายงานข่าวจากวงการผู้ผลิตอาหารสัตว์ แจ้งว่า วิกฤตสงครามรัสเซีย-ยูเครน ไม่เพียงส่งผลกระทบต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจของโลกเท่านั้น แต่ยังกระทบความมั่นคงทางอาหารของผู้บริโภคทั่วโลกด้วย เนื่องจากทั้ง 2 ประเทศ เป็นผู้ผลิตธัญพืชสำคัญของโลกทั้ง ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และข้าวสาลี ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตอาหารสัตว์ ส่งผลให้ราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์สูงขึ้น 14% และข้าวสาลีพุ่งขึ้น 43% เมื่อเทียบกับเดือนธันวาคม 2564 ในกรณีที่สงครามยืดเยื้อราคาจะปรับสูงขึ้นไม่หยุด และจะก่อให้เกิดปัญหาวัตถุดิบมีราคาสูงมากจนกระทั่งขาดแคลน หากภาครัฐไม่มีมาตรการสนับสนุนภาคการผลิต จะทำให้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อค่าครองชีพของประชาชนอย่างแน่นอน
ขณะนี้ ผู้ผลิตอาหารสัตว์ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ปรับตัวสูงขึ้นมากตามราคาตลาดโลก ขณะที่ราคาอาหารสัตว์และเนื้อสัตว์เป็นสินค้าควบคุมราคาภายใต้มาตรการของกระทรวงพาณิชย์ ทำให้ผู้ประกอบการไม่สามารถปรับราคาได้ตามต้นทุนที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์หลักในเดือนธันวาคม 2564 เทียบกับเดือนมีนาคม 2565 ราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ปรับเพิ่มจาก 10.05 บาท/กก. เป็น 12.65 บาท/กก. ข้าวสาลีนำเข้าจาก 8.91 บาท/กก. เป็น 12.75 บาท/กก. และกากถั่วเหลืองจากเมล็ดนำเข้าเพิ่มจาก 19.50 บาท/กก. เป็น 22.50 บาท/กก. (เพิ่มขึ้น 15%) ในอนาคตอันใกล้หากอาหารสัตว์ไม่สามารถปรับราคาได้ตามต้นทุนการผลิต โรงงานอาหารสัตว์อาจตัดสินใจหยุดไลน์การผลิต และจะทำให้อาหารสัตว์ขาดแคลนและกระทบต่ออุตสาหกรรมการเลี้ยงสัตว์แน่นอน รัฐบาลจึงควรพิจารณามาตรการที่ก่อให้เกิดความเป็นธรรมด้านราคากับทุกฝ่าย
ล่าสุด บริษัท กรุงเทพโปรดิ๊วส จำกัด (มหาชน) ผู้รับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์รายใหญ่ แจ้งปรับราคารับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ สำหรับข้าวโพดหลังนาต้นฤดูในราคาสูงสุดที่ 12.65 บาท/กก. เพื่อสร้างหลักประกันในการส่งมอบวัตถุดิบให้กับลูกค้า และลดความเสี่ยงด้านราคาที่อาจจะปรับตัวสูงขึ้นอีกหากสงครามยืดเยื้อ
ปัจจุบัน ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ อยู่ภายใต้มาตรการควบคุมราคาขั้นต่ำ (Floor Price) เพื่อสนับสนุนเกษตรกรซึ่งเป็นภาคการผลิตต้นทาง โดยกำหนดราคาประกันขั้นต่ำเมล็ดข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ความชื้น 14.5% ที่ 8.50 บาท/กก. และจะจ่ายส่วนต่างราคาให้กับเกษตรกรเมื่อราคาตลาดต่ำกว่า 8.50 บาท/กก. ขณะนี้ราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ สูงกว่าราคาประกันตั้งแต่เดือนตุลาคมปีที่แล้ว แต่รัฐบาลไม่มีการกำหนดเพดานราคา (Ceiling Price) ทำให้ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการผลิตกลางน้ำอย่างโรงงานผลิตอาหารสัตว์ ที่ต้องรับซื้อวัตถุดิบในราคาที่สูงโดยไม่สามารถปรับราคาขายได้ ซึ่งอาจทำให้ต้องลดกำลังการผลิตลง ขณะที่ผู้เลี้ยงสัตว์ก็ไม่สามารถปรับราคาหน้าฟาร์มได้เช่นกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มาตรการคุมราคาของภาครัฐกำลังทำลายคลังอาหารของประเทศ หากผู้ผลิตอาหารสัตว์หยุดไลน์การผลิต ผู้เลี้ยงสัตว์ลดปริมาณการเลี้ยงลง เนื่องจากไม่สามารถปรับราคาขายได้ ห่วงโซ่การผลิตอาหารของประเทศจะหยุดชะงัก และสินค้ามีโอกาสจะหายไปจากตลาด ขณะที่ราคาถึงผู้บริโภคสูงมาก รัฐควรบริหารจัดการให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และบริหารจัดการให้มีอาหารบริโภคอย่างเพียงพอในทุกสถานการณ์ โดยแม้วิกฤตสงครามรัสเซีย-ยูเครน จะเป็นแรงผลักดันต้นทุนการผลิตต่างๆ ทั้งน้ำมัน สินค้าโภคภัณฑ์ และอาหารราคาพุ่งสูงขึ้น แต่รัฐบาลต้องบริหารจัดการทั้งซัพพลายและดีมานด์ให้เกิดความสมดุล โดยเฉพาะการให้กลไกตลาดทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ และต้องยกเลิกการแทรกแซงตลาดด้วยการควบคุมราคาหรือตรึงราคาสินค้า เพราะเป็นการทำร้ายภาคการผลิตในภาวะต้นทุนที่สูงขึ้นจากปัจจัยที่รัฐบาลไม่สามารถควบคุมได้
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี