นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้มอบหมายสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้าและกรมส่งเสริม
การค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ศึกษาข้อมูลการส่งออกสินค้าไปยังแต่ละมณฑลของจีน เพื่อสร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการไทย เจาะเป้าหมายเมืองรองของจีน ที่ขนาดเศรษฐกิจระดับมณฑลของจีนหลายแห่งยังใหญ่กว่าไทยมาก ในปี 2567 รัฐบาลจีนตั้งเป้าหมาย การเติบโตทางเศรษฐกิจของแต่ละมณฑลไม่ต่ำกว่า 5% ซึ่งในช่วงต้นปี 2567 เศรษฐกิจจีนมีสัญญาณการฟื้นตัวที่ดีทั้งภาคการลงทุน การบริโภค และการส่งออก ตอกย้ำถึงความยืดหยุ่นและแนวโน้มทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้น หากไทยสามารถเข้าถึงตลาดในระดับมณฑลที่มีความหลากหลายในเชิงวิถีชีวิต วัฒนธรรม การอุปโภค-บริโภค และรูปแบบการค้ากับต่างประเทศได้อย่างเหมาะสม ก็จะเป็นโอกาสขยายการส่งออกสินค้าของไทยได้เพิ่มขึ้น
ซึ่งแต่ละมณฑลของจีนใน 31 มณฑล/เขตการปกครอง พบว่าไทยมีส่วนแบ่งการตลาดในแต่ละมณฑลเฉลี่ย 2.05% ด้วยมูลค่าที่จีนนำเข้าสินค้าจากไทยเฉลี่ยมณฑลละ 51,072 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมณฑลที่ไทยมีส่วนแบ่งตลาดสูงสุด 3 อันดับ ได้แก่ เขตปกครองตนเองทิเบต เขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง และมณฑลยูนนาน อีกทั้งยังวิเคราะห์สินค้าส่งออกศักยภาพของไทยในจีนรายมณฑล โดยพิจารณาจากสัดส่วนการนำเข้าสินค้าของไทยในแต่ละ 31 มณฑล/เขตการปกครอง ในปี 2566โดยเปรียบเทียบกับสัดส่วนการนำเข้าสินค้าของมณฑลนั้นๆ กับประเทศอื่นทั่วโลก ซึ่งใช้หลักการเดียวกับดัชนีความสามารถในการแข่งขันเชิงเปรียบเทียบ (Revealed Comparative Advantage : RCA) และใช้รายการสินค้าตามพิกัดศุลกากร 4 หลัก จากการศึกษาพบว่า ไทยมีสินค้าศักยภาพหลายรายการที่ส่งออกไปยังแต่ละมณฑลของจีน โดยเฉลี่ยมีสัดส่วนสินค้าศักยภาพมากกว่ากึ่งหนึ่งของรายการสินค้าที่มีการนำเข้าจากไทยสัดส่วนอยู่ที่ 53.9%
เมื่อพิจารณาสัดส่วนสินค้าศักยภาพของแต่ละมณฑล ร่วมกับระดับการทำการค้ากับไทยและกับโลกรวมถึงขนาดเศรษฐกิจรายมณฑล พบว่ามีมณฑลที่น่าสนใจที่กระทรวงพาณิชย์ควรมุ่งเน้นส่งเสริม รวมถึงมณฑลที่มีการส่งเสริมอยู่แล้วในปัจจุบันแต่สามารถพัฒนาการส่งออกได้เพิ่มขึ้นผ่านการผลักดันสินค้าศักยภาพต่างๆ เช่น มณฑลกวางตุ้ง มณฑลเจียงซูมหานครเซี่ยงไฮ้ กรุงปักกิ่ง และมณฑลเจ้อเจียง ทั้งนี้ สินค้าศักยภาพในภาพรวมทุกมณฑล ส่วนใหญ่เป็นสินค้าประเภทอุตสาหกรรม คิดเป็นสัดส่วน 83.3%จากสินค้าศักยภาพทั้งหมด เช่น ทองแดงยางรถยนต์ ผลิตภัณฑ์ยาง คอนเทนเนอร์และยานยนต์ ขณะที่สินค้าเกษตรและอาหารคิดเป็นสัดส่วน 16.7% เช่น แป้งธัญพืช ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง มะพร้าว และผลไม้ เป็นต้น
ผลการวิเคราะห์ข้างต้นจะเป็นประโยชน์ต่อทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ในการช่วยส่งเสริมการส่งออกได้อย่างตรงจุด ซึ่งภาครัฐโดยเฉพาะกระทรวงพาณิชย์ สามารถใช้ประกอบการจัดกิจกรรมการส่งเสริมการค้าให้สอดคล้องตามศักยภาพ อีกทั้งยังสามารถใช้เป็นแนวทางในการยกระดับสินค้าอื่นๆ ของไทยให้มีศักยภาพเพิ่มสูงขึ้น ขณะเดียวกัน ภาคเอกชนโดยเฉพาะผู้ประกอบการและผู้ส่งออกสินค้า สามารถใช้เป็นข้อมูลประกอบการผลักดันการส่งออกสินค้าไปยังแต่ละมณฑลของจีน ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในแง่ความสามารถทางการแข่งขันกับสินค้าจากประเทศอื่น และจะยิ่งส่งเสริมให้เศรษฐกิจการค้าไทยขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องมากขึ้นต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี