นายเกรียงไกร เธียรนุกุล รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) กล่าวว่าอุตสาหกรรมส่วนใหญ่มีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้นท่ามกลางสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัส โควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนที่เพิ่มขึ้น แต่ด้วยการบริหารจัดการโดยไม่จำเป็นต้องใช้มาตรการล็อกดาวน์ และปัจจุบันอัตราการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนอยู่ในระดับสูงและเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง รวมถึงภาครัฐทยอยผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรค ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจกลับมามากขึ้นทั้งจากการฟื้นตัวของอุปสงค์ภายในประเทศโดยเฉพาะการจับจ่ายใช้สอยของประชาชนที่มีแรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐและการลงทุนภาคเอกชนที่มีแนวโน้มขยายตัวได้ตามความเชื่อมั่นที่ปรับตัวดีขึ้น

ส่วนภาคการส่งออกสินค้าที่ยังคงมีแนวโน้มที่ดีตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าสำคัญ และการทยอยฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวจากการเปิดประเทศ อีกทั้งการเบิกจ่ายภายใต้กรอบงบประมาณประจำปี และงบรัฐวิสาหกิจโดยเฉพาะการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ ซึ่งประเทศไทยมีศักยภาพทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมที่จะเติบโตได้ในระยะต่อไป

กลุ่มอุตสาหกรรมที่คาดว่าจะเติบโต มีทั้งหมด 25 กลุ่มอุตสาหกรรม ได้แก่ การพิมพ์และบรรจุภัณฑ์, เครื่องจักรกลและโลหะการ, เครื่องนุ่งห่ม, เครื่องปรับอากาศและเครื่องทำความเย็น, ชิ้นส่วนและอะไหล่ยานยนต์, ต่อเรือซ่อมเรือและก่อสร้างงานเหล็ก, เทคโนโลยีชีวภาพ, ดิจิทัล, น้ำตาล, ปูนซีเมนต์, ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร, ผู้ผลิตเครื่องมือแพทย์และสุขภาพ, พลังงานหมุนเวียน, เฟอร์นิเจอร์, ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ และโทรคมนาคม, ยา, ยานยนต์, เยื่อและกระดาษ, รองเท้า,โรงกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม, สมุนไพร, หนังและผลิตภัณฑ์หนัง, หัตถกรรมสร้างสรรค์, เหล็ก, และอาหาร

นายเกรียงไกรกล่าวว่า ปัจจัยสนับสนุนมาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ภายในประเทศที่มีทิศทางดีขึ้น การฉีดวัคซีนที่ครอบคลุมจำนวนประชากรมากขึ้น การฟื้นตัวของอุปสงค์ภายในประเทศ การส่งออกที่ยังเติบโตได้ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้า การทยอยฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวจากการเปิดประเทศ ความเป็นไปได้ที่ภาครัฐจะดำเนินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม นโยบายการเงินที่ยังมีทิศทางผ่อนคลาย และการใช้ประโยชน์จากความตกลงทางการค้า FTA

แต่ก็ยังมีปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตาม ก็คือโอกาสที่จะเกิดการกลับมาระบาดซ้ำอีกครั้งจากการกลายพันธุ์ของไวรัสสายพันธุ์ใหม่ ปัญหาด้านโลจิสติกส์ระหว่างประเทศจากต้นทุนการขนส่งสินค้าทางเรืออยู่ในระดับสูง อัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นขณะที่เศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ความผันผวนของตลาดการเงินโลก ราคาพลังงานราคาวัตถุดิบที่สูงขึ้นส่งผลต่อต้นทุนการผลิต และปัญหาการขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์ในตลาดโลก

กลุ่มอุตสาหกรรมที่คาดว่าจะทรงตัวมีทั้งหมด 20 กลุ่มอุตสาหกรรม ได้แก่ ก๊าซ,การจัดการเพื่อสิ่งแวดล้อม, แกรนิตและหินอ่อน, แก้วและกระจก, เคมี, เครื่องจักรกลการเกษตร, เครื่องสำอาง, เซรามิก, น้ำมันปาล์ม, ปิโตรเคมี, ผลิตภัณฑ์ยาง, ผู้ผลิตไฟฟ้า, พลาสติก, ไม้อัดไม้บางและวัสดุแผ่น, โรงเลื่อยและโรงอบไม้, สิ่งทอ, หล่อโลหะ, หลังคาและอุปกรณ์, อะลูมิเนียม, อัญมณีและเครื่องประดับ ปัจจัยสนับสนุนสอดคล้องกับกลุ่มอุตสาหกรรมที่ฟื้นตัว โดยเป็นไปตามกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่กลับมาดำเนินการได้มากขึ้น

ทั้งนี้ด้วยปัจจัยเสี่ยงและความกังวลทั้งโอกาสการกลับมาระบาดซ้ำจากการกลายพันธุ์ของไวรัสสายพันธุ์ใหม่ ต้นทุนการขนส่งสินค้าทางเรืออยู่ในระดับสูง อัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นเศรษฐกิจจีนที่มีแนวโน้มชะลอตัวลง ความผันผวนของตลาดการเงินโลก ราคาพลังงานราคาวัตถุดิบที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น ความเสี่ยงที่ส่งผลกระทบเชิงภูมิรัฐศาสตร์ และสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงกระทบต่อผลผลิตสินค้าเกษตรจึงเป็นปัจจัยที่ยังกดดันให้หลายกลุ่มอุตสาหกรรมยังมีทิศทางทรงตัว

“ส.อ.ท.เชื่อมั่นว่าภาคอุตสาหกรรมไทยยังสามารถเติบโตต่อไปได้ แม้ปีที่ผ่านมาจะได้รับผลกระทบจากโควิด-19 แต่ยังเร่งปรับตัวด้วยการนำเทคโนโลยีมาใช้งานพร้อมกับรองรับพฤติกรรมของผู้บริโภคในยุคนิว นอร์มอล อีกทั้งยังได้รับการสนับสนุนจากทุกภาคส่วนทั้งหน่วยงานภาครัฐ หน่วยงานภาคเอกชน ภาคธุรกิจ และผู้ประกอบการเพื่อขับเคลื่อนและพัฒนาอุตสาหกรรมไทยให้สามารถแข่งขันในระดับสากลได้”นายเกรียงไกรกล่าว