นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ แถลงตัวเลขการส่งออกเดือนก.พ.2565 ว่า ยังอยู่ในเกณฑ์ดี มีมูลค่า 23,483.1 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 16.2% คิดเป็นเงินบาทมีมูลค่า 770,819 ล้านบาท การนำเข้ามีมูลค่า 23,359.8 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 16.8% คิดเป็นเงินบาทมีมูลค่า 776,612 ล้านบาท เกินดุลการค้า 123.3 ล้านเหรียญสหรัฐ และตัวเลขรวม 2 เดือนของปี 2565 (ม.ค.-ก.พ.) มีมูลค่า 44,741.7 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 12.2% คิดเป็นเงินบาท มูลค่า 1,479,131 ล้านบาท ยังเกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 3-4% และการนำเข้า มีมูลค่า 47,144.8 เพิ่มขึ้น 18.7% คิดเป็นเงินบาทมูลค่า 1,579,300 ล้านบาท โดยขาดดุลการค้า 2,403.1 ล้านเหรียญสหรัฐ
โดยตลาดส่งออกสำคัญ ที่ขยายตัวสูงสุด 10 อันดับแรก ได้แก่ 1.รัสเซีย เพิ่ม 33.4% 2.อาเซียน 5 ประเทศ เพิ่ม 31.5% 3.ฮ่องกง เพิ่ม 29.8% 4.เกาหลีใต้ เพิ่ม 28.9% 5.สหรัฐฯ เพิ่ม 27.2% 6.อินเดีย เพิ่ม 23% 7.ไต้หวัน เพิ่ม 17.7% 8.สหราชอาณาจักร เพิ่ม 17.3% 9.CLMV เพิ่ม 14.4% 10.ตะวันออกกลาง เพิ่ม 13.8% แต่รายละเอียดสินค้า ยังไม่มี เนื่องจากมีการเปลี่ยนระบบพิกัดภาษีศุลกากรในรอบ 5 ปีซึ่งต้องรออีกระยะ ถึงจะแยกออกมาได้
สำหรับปัจจัยที่มีส่วนช่วยสนับสนุนการส่งออกในเดือนก.พ.2565 มาจากภาคการผลิตทั่วโลกยังขยายตัว ดูได้จากดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตโลก (Global Manufacturing : PMI) อยู่เหนือระดับ 50 ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 20 จะเป็นโอกาสสำหรับการส่งออกของไทย และสถานการณ์ค่าระวางเรือและการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์เริ่มมีสัญญาณดีขึ้น แต่ยังไม่รวมประเด็นที่จะเกิดขึ้นจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน ซึ่งเรื่องโลจิสติกส์ ค่าระวางเรือ ตู้คอนเทนเนอร์
“ในเดือนก.พ.2565 ยังไม่ได้รับผลกระทบจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน แต่เดือนมี.ค.-เม.ย. ต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และลงลึกจากข้อมูลของทูตพาณิชย์ทั่วโลกว่าจะมีผลกระทบด้านไหน จากนั้นจะแก้ปัญหาร่วมกับเอกชนในนาม กรอ.พาณิชย์ต่อไป” นายจุรินทร์กล่าว
สำหรับการขับเคลื่อนการส่งออกในปีนี้ จะยังคงเดินหน้ายุทธศาสตร์ “เกษตรผลิต พาณิชย์ตลาด” ต่อไป โดยเน้นเป็นรายสินค้า เช่น ข้าว ปีนี้คาดว่าจะสามารถส่งออกข้าวบรรลุเป้าหมายได้ไม่ต่ำกว่า 7 ล้านตัน และจะมีตลาดเพิ่มในตะวันออกกลาง เช่น ซาอุดีอาระเบียและอื่นๆ ส่วนสินค้าไก่ ซาอุดีอาระเบีย ได้อนุญาตให้ไทยส่งออกไก่ได้แล้ว 11 โรงงาน ซึ่งสัปดาห์หน้าจะมีการส่งออกได้ลอตแรก
นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์จะเดินหน้าประสานงานกับแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างประเทศ ในการบรรจุสินค้าและบริการของไทยเข้าไปจำหน่าย ล่าสุดแพลตฟอร์มไต้หวันนำสินค้าไทยไปขายบนแพลตฟอร์ม 3 แพลตฟอร์ม คือ PChome, PINKOI OnlineMarketplace และไปรษณีย์ไต้หวัน ช่วยเพิ่มช่องทางจำหน่ายสินค้าไลฟ์สไตล์ และสินค้า BCG และจะจัดการกิจกรรมเจรจาธุรกิจออนไลน์ หรือ Online Business Matching - OBM ต่อเนื่อง อย่างล่าสุด เจรจาซื้อขายสินค้า BCG ได้มูลค่า 3,450 ล้านบาท โดยคู่เจรจา 5 อันดับแรก คือ อินเดีย เมียนมา ญี่ปุ่น เวียดนาม และฟิลิปปินส์ และมีการจัด In-Store Promotion ที่ห้างดองกี้ญี่ปุ่น ประสบความสำเร็จในการขายสินค้าเกษตร เกษตรแปรรูป ผลไม้และข้าว เป็นต้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี