นายจิตรกร ว่องเขตกร รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยถึงการจดทะเบียนธุรกิจประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2565 ว่า มีผู้ประกอบธุรกิจยื่นขอจดทะเบียนจัดตั้งห้างหุ้นส่วนบริษัทใหม่ทั่วประเทศ จำนวน 7,211 ราย เทียบกับเดือนมกราคม 2565 ลดลง 10% และเทียบกับเดือนกุมภาพันธ์ 2564 ลดลง 1%แต่ก็ถือว่าฟื้นตัวดีขึ้นต่อเนื่อง เมื่อเทียบกับการจดตั้งใหม่ที่ชะลอตัวลงตั้งแต่เดือนเมษายน 2564 โดยมีมูลค่าทุนจดทะเบียน 19,376.01 ล้านบาท และประเภทธุรกิจที่จัดตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจภัตตาคาร ร้านอาหาร ที่กลับมาติดอันดับ 3 อีกครั้ง หลังจากหลุดไปประมาณ 8 เดือน เป็นการตั้งใหม่ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และการเปิดประเทศ
ส่วนธุรกิจเลิกประกอบกิจการมีจำนวน 669 ราย เมื่อเทียบกับเดือนมกราคม 2565 ลดลง 33% เทียบกับเดือนกุมภาพันธ์ 2565 เพิ่มขึ้น 15% มีมูลค่าทุนจดทะเบียนเลิกจำนวน 25,643.99 ล้านบาท โดยประเภทธุรกิจเลิกประกอบกิจการสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจภัตตาคารและร้านอาหาร
สำหรับปัจจัยที่ทำให้การจดทะเบียนตั้งใหม่เพิ่มขึ้น เป็นผลจากมาตรการการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานในประเทศ มาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายของรัฐบาล การเปิดประเทศแบบ Test & Go รวมทั้งสถานการณ์การส่งออกที่ดีขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก และการอ่อนค่าของค่าเงินบาท ซึ่งมีผลช่วยสร้างความมั่นใจให้ผู้ประกอบการในการจัดตั้งธุรกิจ
ส่วนแนวโน้มการจดทะเบียนตั้งใหม่ในระยะต่อไป คาดว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด–19 สายพันธุ์โอมิครอน ยังคงสร้างความกังวลให้ผู้ประกอบการในประเทศ ที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่รายวันเพิ่มสูงขึ้น และยังมีความเสี่ยงเรื่องสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครนที่ส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมัน ทำให้ต้นทุนสินค้าสูงขึ้น จึงเป็นอีกปัจจัยที่ผู้ประกอบการต้องคำนึงถึง
อย่างไรก็ตาม กรมฯยังคาดการณ์การจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2565 อยู่ประมาณที่ 40,000–42,000 ราย และตลอดทั้งปี 2565 อยู่ที่ประมาณ 70,000–75,000 ราย
ปัจจุบันมีธุรกิจดำเนินกิจการอยู่ทั้งสิ้น(ณ วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2565) จำนวน 822,541 ราย มูลค่าทุน 19.65 ล้านล้านบาท จำแนกเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัด ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล จำนวน 199,585 ราย คิดเป็น24.26% บริษัทจำกัด จำนวน 621,635 ราย คิดเป็น 75.58% และบริษัท มหาชน จำกัด จำนวน 1,321 ราย คิดเป็น 0.16% ตามลำดับ
ขณะที่การลงทุนประกอบธุรกิจในไทยภายใต้กฎหมายต่างด้าวในเดือนกุมภาพันธ์2565 มีการอนุญาตให้คนต่างชาติประกอบธุรกิจทั้งสิ้น 44 ราย แบ่งเป็นใบอนุญาตประกอบธุรกิจ จำนวน 16 ราย และหนังสือรับรองประกอบธุรกิจ จำนวน 28 ราย โดยมีเม็ดเงินลงทุนทั้งสิ้น 5,781 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในไทยมากที่สุด ได้แก่ ญี่ปุ่น จำนวน 12 ราย เงินลงทุน 2,949 ล้านบาทรองลงมา ได้แก่ สิงคโปร์ จำนวน 7 ราย เงินลงทุน1,724 ล้านบาท และฮ่องกง จำนวน 4 ราย เงินลงทุน 308 ล้านบาท ตามลำดับ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี