นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวในการบรรยายพิเศษหัวข้อ “FUTURE INDUSTRYอนาคตภาคอุตสาหกรรมไทย” ภายในงานประชุมสามัญประจำปี 2565 และเลือกตั้งคณะกรรมการส.อ.ท.ว่าเมื่อโลกเปลี่ยนแปลงรวดเร็วประเทศไทยจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงตามภายใต้อุตสาหกรรมแห่งอนาคตที่ไทยมีความได้เปรียบเป็นทุนเดิม จึงควรมุ่งผลักดันส่งเสริมในสิ่งที่ไทยเชี่ยวชาญ อาทิ ผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางด้านผลผลิตการเกษตรและอาหาร ควรเริ่มจากการช่วยให้ต้นทุนของเกษตรกรต่ำหากต้นทุนต่ำจะทำให้เกษตรกรมีรายได้ดีขึ้น วัตถุดิบที่จะเข้าสู่อุตสาหกรรมที่มีราคาต่ำ จะทำให้ภาคอุตสาหกรรมมีต้นทุนต่ำไปด้วยและไทยก็ควรจะปรับตัวเองให้เข้าสู่ Future Food เพื่อเปลี่ยนการเกษตรแบบดั่งเดิม เป็นการเกษตรสมัยใหม่ที่เน้นการบริหารจัดการและใช้เทคโนโลยี เพื่อให้ผลิตได้แม่นยำ โดยใช้ทรัพยากรประหยัด สร้างรายได้มากขึ้นด้วย
รวมทั้งการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศไทย เน้นเศรษฐกิจที่นำวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมมาต่อยอดจุดแข็งของธุรกิจไทย คือการนำคุณค่าจากความหลากหลายทางชีวภาพและวัฒนธรรมมาแปลงหรือเพิ่มเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจเป็นการนำผลผลิตทางการเกษตรที่อุดมสมบูรณ์ มาปรับเปลี่ยนระบบการผลิตและการบริโภคที่นำไปสู่กระบวนการที่ใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า เพื่อรักษาความสมดุลและตอบโจทย์การพัฒนาอย่างยั่งยืน ความยั่งยืน ที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม การผลิตที่ต้องเป็น zero wasteไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม
สถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่านมาผลงานของระบบสาธารณสุขไทยในการรับมือเป็นเครื่องยืนยันได้เป็นอย่างดีว่าประเทศไทยยังมีจุดแข็งเรื่องการให้บริการด้านสุขภาพ เครื่องมือแพทย์ รวมไปถึง อุปกรณ์ทางการแพทย์ ส่วนการจัดทำสินค้าประเภท Lifestyle คนไทยถือว่ามีฝีมือที่โดดเด่น แต่ยังขาดเรื่องการทำให้แบรนด์สินค้าติดตลาด หากสร้างแบรนด์ให้ตรงจุด ก็สามารถดันแบรนด์ไทยสู่ตลาดโลกได้
ขณะที่ศักยภาพและความพร้อมด้านการท่องเที่ยวของประเทศไทย ที่มีภูมิประเทศสวยงาม มีแหล่งท่องเที่ยวหลากหลาย มีชื่อเสียงด้านบริการ เป็นจุดแข็งของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยและเป็นปัจจัยสนับสนุนที่สำคัญสำหรับการพัฒนาอุตสาหกรรมไมซ์ (MICE) ไทยให้แข็งแกร่งในเวทีโลก จากผลกระทบโควิด-19 ทำให้ต่างชาติที่มีรูปแบบการทำงานแบบ Workcation เข้ามาทำงานและพักผ่อนในประเทศไทยมากขึ้นก่อให้เกิดการใช้จ่ายช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจประเทศได้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้ การเพิ่มประสิทธิภาพด้าน Technology Innovation Infrastructure และการสนับสนุนจากภาครัฐ จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันให้กับประเทศไทยได้ซึ่งต้องเตรียมความพร้อมภาคอุตสาหกรรมไทยสู่โครงสร้างพื้นฐาน 5G โดยการจะก้าวไปเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วในอนาคตจำเป็นต้องปรับมาขับเคลื่อนประเทศบนฐานนวัตกรรม เร่งพัฒนาผู้ประกอบการนวัตกรรมผ่านการเชื่อมโยงภาคเอกชน ภาครัฐ การศึกษาและสังคมทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาคเพื่อสร้างระบบนวัตกรรมที่เข้มแข็งจากพื้นฐานขณะที่ระบบขนส่งโครงสร้างพื้นฐานของไทย ไม่ว่าจะเป็น การขนส่งทางบก ทางน้ำ ทางรางและทางอากาศ ซึ่งต้นทุนทางโลจิสติกส์ของไทยค่อนข้างสูง หากพัฒนาให้ครอบคลุมจะช่วยลดต้นทุนโลจิสติกส์ได้มาก
“นโยบายขับเคลื่อนเศรษฐกิจของภาครัฐต้องต่อเนื่อง ภาคเอกชนควรเข้าไปมีส่วนร่วมมากขึ้นและเพิ่มความสะดวกในการดำเนินธุรกิจ การใช้งบประมาณให้มีประสิทธิภาพ รวมถึงการปราบปรามคอร์รัปชั่นในหน่วยงานต่างๆ อนาคตภาคอุตสาหกรรมไทย ไม่ใช่แค่การตามกระแสโลกแต่ต้องเป็นผู้นำภาคอุตสาหกรรม ด้วยการผลักดันและสร้างคุณค่าจากสิ่งที่เป็นจุดแข็งของประเทศไทยอย่างแท้จริง ภาคอุตสาหกรรมไทยได้ก้าวผ่านความเปลี่ยนแปลงมามากมาย และคาดหวังว่าในอนาคตอันใกล้นี้อุตสาหกรรมไทยจะหันกลับมาส่งเสริมอุตสาหกรรมภายในประเทศที่มีศักยภาพและขับเคลื่อนให้เติบโตด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีอย่างเต็มรูปแบบเพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของอุตสาหกรรมไทยให้เดินหน้าอย่างเต็มกำลังเพราะ Future Industry จะไม่ใช่อนาคตที่ไกลตัวอีกต่อไป” นายสุพันธุ์กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี