นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือนกรกฎาคม 2566 โดยระบุว่า อยู่ที่ระดับ 92.3 ปรับตัวลดลงจาก 94.1 ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา โดยถือว่าดัชนีอยู่ระดับต่ำสุดในรอบ 10 เดือนเมื่อพิจารณาองค์ประกอบของค่าดัชนีฯ พบว่าปรับตัวลดลงทุกองค์ประกอบ ทั้งดัชนีคำสั่งซื้อโดยรวม ยอดขายโดยรวม ปริมาณการผลิต
ต้นทุนประกอบการ และผลประกอบการ เนื่องจากภาคการผลิตและอุปสงค์สินค้าชะลอตัวลงจากเดือนมิถุนายน โดยมีปัจจัยเสี่ยงในประเทศมาจากปัญหาหนี้ครัวเรือนและค่าครองชีพที่อยู่ในระดับสูง ส่งผลให้กำลังซื้อของครัวเรือนอ่อนแอลง ความต้องการบริโภคสินค้าอุตสาหกรรมลดลง และอัตราดอกเบี้ยอยู่ในทิศทางขาขึ้น ทำให้ต้นทุนทางการเงินสูงขึ้นรวมถึงสถานการณ์ทางการเมืองยังมีความไม่ชัดเจนเกี่ยวกับการจัดตั้งรัฐบาลส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของภาคเอกชนด้วย
ขณะที่ดัชนีคาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ระดับ 100.2 ปรับตัวลดลง จาก 102.1 ในเดือนมิถุนายน เนื่องจากผู้ประกอบการกังวลต่อความล่าช้าในการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการจัดทำงบประมาณภาครัฐ ตลอดจนขาดความต่อเนื่องในการดำเนินนโยบายขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยต้นทุนการผลิตมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น อาทิ ราคาพลังงาน ค่าไฟฟ้าและค่าจ้างแรงงาน เป็นอุปสรรคต่อการดำเนินกิจการ ท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจโลกยังมีความไม่แน่นอนสูง ซึ่งถือเป็นปัจจัยเสี่ยงที่เศรษฐกิจโลกยังมีความเปราะบางจากอุปสงค์ในตลาดโลกลดลง ทำให้การส่งออก
ส่งสัญญาณชะลอตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 9 ขณะที่เศรษฐกิจจีนที่ขยายตัวต่ำกว่าคาด
นายเกรียงไกรกล่าวอีกว่า ข้อเสนอแนะต่อภาครัฐ มี 4 เรื่อง ได้แก่ 1.เร่งจัดตั้งรัฐบาลโดยเร็วและออกนโยบายฟื้นฟูและกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างเร่งด่วน เพื่อแก้ไขปัญหาปากท้องประชาชน รวมทั้งสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนและกระตุ้นกำลังซื้อในประเทศ โดยเน้นย้ำว่าการช่วยลดภาระของประชาชนถือเป็นเรื่องสำคัญและเร่งด่วนมากที่สุด 2.เร่งออกมาตรการบรรเทาผลกระทบจากภาระต้นทุนดอกเบี้ยเงินกู้ที่ปรับตัวสูงขึ้นโดยเฉพาะผู้ประกอบการเอสเอ็มอี เพื่อเสริมสภาพคล่องทางการเงินและลดความเสี่ยงการเป็นหนี้เสีย (เอ็นพีแอล) ซึ่งภาระที่เพิ่มขึ้น ทำให้เห็นการยึดรถยนต์ส่วนบุคคลมากเป็นประวัติการณ์รวมถึงยังเห็นผลกระทบของการผ่อนบ้านที่อาจเริ่มไม่ไหวกันแล้ว
3.ขอให้ใช้กลไกของทูตพาณิชย์ในการเจรจาเร่งจัดทำความตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ)และลดปัญหาทั้งอุปสรรคทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษี (Non-Tariff Barriers : NTBs) และมาตรการทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษี(Non-Tariff Measures: NTMs) รวมทั้งจัดกิจกรรมส่งเสริมการค้าแบบมุ่งเป้าไปยังกลุ่มประเทศที่มีศักยภาพ อาทิ ตะวันออกกลาง 6 ประเทศ (จีซีซี) ซาอุฯลาตินอเมริกา เอเชียใต้ และอินเดีย ถือเป็นประเทศที่มีจำนวนประชากรมาก เพื่อขยายตลาดการค้าและขยายฐานการส่งออกเพิ่มขึ้น เนื่องจากกลุ่มที่เป็นประเทศฐานลูกค้าของไทยในปัจจุบันไม่ดีหมด อยู่ในภาวะเปราะบาง จึงจะเป็นต้องรีบเร่งในการหาตลาดใหม่ และ 4.ขอให้ภาครัฐเร่งดำเนินการเบิกจ่ายงบประมาณให้เป็นไปตามเป้าหมาย โดยเฉพาะโครงการลงทุนต่างๆ ที่ยังค้างท่อ เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ เพราะปีนี้การส่งออกคงไม่ได้ดีมากนักแม้มีภาคการท่องเที่ยวเข้ามาช่วยขับเคลื่อนให้เดินหน้าไปได้
ทั้งนี้ ส.อ.ท. ได้ทำการรวบรวมข้อมูลผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม และข้อมูลตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมจากหน่วยงานต่างๆ ย้อนหลัง 3 ปี จัดทำเป็น Dashboardเผยแพร่ในเว็บไซต์ศูนย์ข้อมูลภาคเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม Industry Data Space (iDS) ของ ส.อ.ท. เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ประกอบการและบุคคลทั่วไปให้สามารถเข้าถึงข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในการดำเนินธุรกิจ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี