'พิพัฒน์'ขับเคลื่อนความร่วมมือแรงงานอาเซียน พบ'รมว.เกาหลี–มาเลเซีย' เตรียมยกระดับแรงงานไทยสู่มาตรฐานสากล

'พิพัฒน์'ขับเคลื่อนความร่วมมือแรงงานอาเซียน พบ'รมว.เกาหลี–มาเลเซีย' เตรียมยกระดับแรงงานไทยสู่มาตรฐานสากล

วันอาทิตย์ ที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2568, 20.54 น.

"พิพัฒน์"ขับเคลื่อนความร่วมมือแรงงานอาเซียน พบ"รมว.เกาหลี-มาเลเซีย" เตรียมยกระดับแรงงานไทยสู่มาตรฐานสากล ก่อนเปิดฉาก APEC 2025

เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2568 ที่เมืองเชจู สาธารณรัฐเกาหลี นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เดินหน้าภารกิจสร้างความร่วมมือด้านแรงงานในระดับนานาชาติ ด้วยการหารือนอกรอบ กับนาย มิน-ซอค คิม รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและการจ้างงาน สาธารณรัฐเกาหลี และ นาย สตีเว่น ซิม ซี เคียง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรมนุษย์แห่งมาเลเซียรัฐมนตรี ก่อนการประชุมรัฐมนตรี APEC ด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ (APEC HRDMM 2025) ซึ่งจะเปิดฉากในวันที่ 12 พฤษภาคมนี้ พร้อมด้วยนายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน นายศักดินาถ สนธิศักดิ์โยธิน ผู้ช่วยปลัดกระทรวงแรงงาน นางศิริรัตน์ ศรีชาติ อัครราชทูตที่ปรึกษา (ฝ่ายแรงงาน) ประจำสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโซล ร่วมด้วย


ในการหารือกับ นายมิน-ซอค คิม รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและการจ้างงาน สาธารณรัฐเกาหลี ทั้งสองฝ่ายย้ำความร่วมมือในการส่งเสริมแรงงานถูกกฎหมาย และขยายโอกาสแรงงานไทยในภาคบริการ ร้านอาหาร โรงแรม และการดูแลผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นภาคที่เกาหลีกำลังขาดแคลนแรงงาน

นายมิน-ซอค คิม เปิดเผยว่า การหารือทวิภาคีระหว่างไทยและเกาหลีใต้ครั้งนี้สะท้อนวิสัยทัศน์ของไทยในการยกระดับแรงงานสู่มาตรฐานสากล โดยทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องในการขยายความร่วมมือด้านแรงงานอย่างรอบด้าน ทั้งการส่งแรงงานอย่างถูกกฎหมาย การพัฒนาทักษะฝีมือ และการคุ้มครองสิทธิแรงงานไทยในเกาหลีใต้

ซึ่งขณะนี้มีแผนขยายการรับแรงงานต่างชาติในภาคบริการ เช่น ร้านอาหาร โรงแรม งานภาคบริการ และงานภาคบริบาลดูแล ผู้สูงอายุ โดยในเกาหลีเป็นแรงงานหญิงในกลุ่มอายุ 50 - 65 ปี แต่การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ อาจขยายโอกาสแรงงานฝีมือไทยในสาขา ภาคบริบาล พร้อมยืนยันว่าแรงงานไทยมีวินัย ตั้งใจทำงาน และได้รับความไว้วางใจจากนายจ้างเกาหลี

นายพิพัฒน์ เผยว่า ในด้านการจัดการแรงงานผิดกฎหมาย ซึ่งแรงงานไทยในเกาหลีมีอยู่ถึง 19.2% ไทยเสนอแนวทางแก้ไขในเชิงระบบ เช่น การขึ้นทะเบียนแรงงานเพื่อนบ้านในไทยให้ถูกกฎหมาย พร้อมการปราบปรามนายหน้าเถื่อน และการรณรงค์ให้แรงงานเข้าสู่ระบบ EPS เพื่อเข้าถึงค่าจ้างที่เป็นธรรมและสวัสดิการที่มั่นคง

พร้อมยังเสนอความร่วมมือในการพัฒนาทักษะแรงงานสู่เศรษฐกิจอนาคต โดยเฉพาะด้าน AI, Automation และอุตสาหกรรมอัจฉริยะ พร้อมย้ำว่าไทยจะติดตามคุณภาพชีวิตแรงงานในเกาหลีอย่างใกล้ชิด การหารือครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายแรงงานต่างประเทศของไทย ที่ไม่เพียงเน้นการจัดส่งแรงงานอย่างถูกต้อง แต่ยังมุ่งสร้างมาตรฐานใหม่ด้านคุณภาพชีวิต และความมั่นคงให้แรงงานไทยบนเวทีโลก

ในเวลาต่อว่า นายพิพัฒน์ ยังได้พบกับ นายสตีเว่น ซิม ซี เคียง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรมนุษย์แห่งมาเลเซีย โดยเห็นพ้องร่วมกันว่าทั้งสองประเทศควรเป็นผู้นำด้านการพัฒนาแรงงานในอาเซียน โดยเฉพาะในยุคเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจสีเขียว และแรงงานอิสระ (Gig Workers) โดย ไทยเสนอแนวคิด “One Destination two Cities” เพื่อสร้างงานจากการท่องเที่ยว กระจายรายได้สู่เมืองต่างๆในประเทศอาเซียนได้

โดย นายสตีเว่น ซิม ซี เคียง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรมนุษย์แห่งมาเลเซียรัฐมนตรี กล่าวว่า ทางมาเลเซียเตรียมเสนอร่างกฎหมายคุ้มครองแรงงาน ในประมาณเดือนกรกฎาคมนี้ และพร้อมแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับไทย ซึ่งทั้งสองฝ่ายเห็นตรงกันว่า แรงงานคือรากฐานการพัฒนาเศรษฐกิจในภูมิภาค

นายพิพัฒน์ กล่าวว่าปิดท้ายว่า การหารือวันนี้สะท้อนเจตนารมณ์ของไทย ที่ต้องการให้แรงงานไทยมีคุณภาพ มีทักษะสากล และไม่ตกขบวนการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจโลก ไม่ว่าจะในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี หรือเศรษฐกิจสีเขียว พร้อมเน้นว่า แรงงานไทยต้องได้รับการยอมรับในเวทีอาเซียนและระดับโลก โดยกระทรวงแรงงานพร้อมเป็นกลไกสำคัญในการผลักดันให้เกิดความร่วมมืออย่างต่อเนื่อง สร้างรากฐานแรงงานไทยทั้งในด้านคุณภาพ ความปลอดภัย และโอกาสทางเศรษฐกิจอย่างแท้จริง

- 006

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top