หลังจากที่ค่ายใบพัดฟ้าขาวได้ทำการเปิดตัวรุ่นใหม่หลายรุ่น เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้า BMW 330e M Sport ก็เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่หลายคนหลงใหลและใฝ่ฝันที่จะเป็นเจ้าของ ไม่เพียงแต่รูปโฉมที่ดูสปอร์ตโฉบเฉี่ยว และสมรรถนะที่โดดเด่นของเทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo ยังมาพร้อมกับระบบปลั๊กอินไฮบริด สามารถขับขี่ด้วยระบบไฟฟ้า เต็มรูปแบบ ช่วยประหยัดน้ำมัน และลดมลภาวะ
BMW 330e M Sport (รุ่นประกอบในประเทศ) มาพร้อมกับชุดแต่ง M Sport รอบคัน กระจังหน้าทรงไตคู่ขนาดใหญ่ ระบบไฟหน้า LEDปรับตามทิศทางหมุนของพวงมาลัย พร้อมปรับการทำงานไฟสูงอัตโนมัติ ไฟท้ายดีไซน์ใหม่เรียวยิ่งขึ้นในรูปทรง Lแนวนอนแบบสามมิติ คาลิเปอร์เบรก M Sport ระบบช่วยการขับขี่ ระบบช่วยจอดรถ ระบบแสดงผลBMW Head-Up Display ท่อไอเสียแบบคู่ และล้ออัลลอย M น้ำหนักเบา ขนาด 19 นิ้วลาย Double-Spokeรวมทั้งเพิ่มความคล่องแคล่วบนท้องถนนด้วยชุดแต่ง M Aerodynamics ทั้งในส่วนด้านหน้า ด้านข้าง และด้านหลัง
นอกจากนี้ ฝากระโปรงท้าย สามารถเปิด-ปิด ด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมระบบ Comfort access เพียงแค่ยื่นปลายเท้าไปที่ใต้กันชนหลัง เซนเซอร์จะคอยจับสัญญาณการแหย่ปลายเท้าไว้ และมีกุญแจรีโมทอยู่กับตัว ฝากระโปรงท้าย จะเปิดด้วยระบบไฟฟ้าทันที
ช่วงการทดสอบ BMW 330e M Sport มาพร้อมความคล่องตัวสูงรวมถึงสมรรถนะที่โดดเด่นของเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 2.0 ลิตร เทคโนโลยี TwinPower Turbo และมอเตอร์ไฟฟ้า พละกำลังสูงสุด 215 กิโลวัตต์/292 แรงม้า สามารถเพิ่มกำลังส่งในการเร่งความเร็วได้มากยิ่งขึ้น ในโหมด SPORT เพียงเหยียบคันเร่ง เพื่อกระตุ้นการทำงานของ XtraBoost จะมีพละกำลังเสริมมากถึง 30 กิโลวัตต์/40 แรงม้า ขณะเดียวกันช่วงล่างแบบ Adaptive M สุดยอดมากไม่ว่าจะเป็นโหมด Comfort, ECO PRO หรือ Sport ให้ความมั่นใจได้ทุกครั้งที่อยู่หลังพวงมาลัย โดยตามเสปกระบุไว้อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 5.9 วินาที ความเร็วสูงสุด 230 กม./ชม.
สำหรับโหมดการขับขี่แบบ HYBRID สามารถเร่งความเร็วสูงสุดได้ถึง 110 กม./ชม. ซึ่งมากกว่ารุ่นก่อนหน้า 30 กม./ชม. โดยใช้เพียงพลังงานไฟฟ้า ก่อนสลับไปเป็นการใช้พลังงานเครื่องยนต์ พอเปลี่ยนมาเป็นโหมด EV ซึ่งเป็นโหมดการขับขี่แบบไร้มลพิษ สามารถเร่งความเร็วสูงสุดกว่า 140 กม./ชม. มากกว่ารุ่นเดิมที่ทำได้ 120 กม./ชม. รวมทั้ง ปรับปรุงอัตราการขับขี่ ด้วยพลังงานไฟฟ้า ปลอดมลพิษให้มากกว่ารุ่นก่อน 50% โดยตามเสปกแจ้งระยะทางที่สามารถขับขี่ด้วยไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวมากถึง 59 กม. (ตามมาตรฐาน NEDC) ก่อนที่ระบบจะเปลี่ยนเป็นการทำงานของเครื่องยนต์ทันที เพราะแบตเตอรี่ไม่พอแต่ก็สามารถชาร์จไฟได้อีกภายในรถ ด้วยระบบ BATTERY CONTROL ต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง โดยไม่ต้องเสียบปลั๊กจากภายนอก ซึ่งผู้เขียนขับในโหมด EV ล้วน สามารถทำได้ระยะทางแค่ 45 กม. ก็ถือว่ามากพอสมควร
นอกเหนือจากนี้ ยังมีระบบสร้างเสียงจำลอง เพื่อให้ผู้ใช้ทางเท้าได้ยิน โดยจะถูกเปิดใช้ในขณะขับขี่ ด้วยระบบพลังงานไฟฟ้า เพื่อส่งเสียงเตือนผู้ใช้ทางเท้าผ่านระบบลำโพงติดตั้งภายนอก ในส่วนของการใช้อุปกรณ์ปลั๊กไฟบ้านปกติ จะใช้เวลาต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ประมาณ 5 ชั่วโมง 45 นาที แต่ถ้าใช้ BMW i Wallbox จะชาร์จได้เต็มจาก 0% ภายใน 3 ชั่วโมง 30 นาที เท่านั้น
นอกจากนี้ ยังติดตั้งชุดเครื่องเสียงรอบทิศทาง Harman/Kardon ที่ให้ความเพลิดเพลินได้ตลอดการเดินทาง รวมทั้งระบบ Gesture Control การควบคุมระบบต่างๆ ด้วยท่าทางการเคลื่อนไหวของมือ บริเวณหน้าจอ iDrive ที่สามารถใช้งานได้ง่าย
โดยสรุปแล้ว BMW 330e M Sport เป็นรถยนต์ซีดานหรู ที่น่าสนใจอีกหนึ่งรุ่น ด้วยสมรรถนะ และเทคโนโลยีล้ำสมัย ที่ติดตั้งมาแบบเต็มพิกัด เรียกได้ว่าเหนือกว่ารถในเซกเม้นท์เดียวกันอย่างเห็นได้ชัด จะขับช้า หรือเร็วระบบมีรองรับทุกไลฟ์สไตล์ ที่สำคัญรุ่นนี้สามารถขับด้วยพลังงานไฟฟ้าล้วนซึ่งนอกจากจะช่วยประหยัดพลังงานแล้ว ยังลดมลพิษได้เป็นอย่างดี สำหรับราคาจำหน่าย 2,799,000 บาท พร้อมแพ็กเกจ BSI Standard ถ้าชอบต้องไปลองขับก่อนตัดสินใจ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี