นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนด้านการพาณิชย์ (กรอ.พาณิชย์) ภาคใต้ ที่อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ว่าเป็นการประชุมในส่วนภูมิภาคเป็นครั้งแรก จากนี้จะประชุมในส่วนของภาคกลางที่ จ.ระยอง ภาคเหนือที่ จ.พิษณุโลก และภาคอีสานที่ จ.อุบลราชธานี หรือ จ.นครราชสีมา ต่อไป เพื่อลงลึกการทำงานร่วมกันระหว่างกระทรวงพาณิชย์ ส่วนราชการอื่น และภาคเอกชนอย่างใกล้ชิดลงลึกถึงการแก้ปัญหาในระดับภาคมากขึ้น
ประเด็นสำคัญที่ได้มีการหารือ ได้แก่ 1.การกระจายผลไม้ภาคใต้ ที่กำลังจะออกสู่ตลาด 2-3 เดือนที่จะถึงนี้ โดยตลาดในประเทศจะเพิ่มพื้นที่ระบายผลไม้ในปั๊มน้ำมันทั่วประเทศ เช่น ปตท. เชลล์ บางจาก และพีที เป็นต้น และประสานงานกับห้างสรรพสินค้าต่างๆ จัดพื้นที่ระบายผลไม้ภาคใต้ มอบหมายให้แต่ละจังหวัดจัดพื้นที่จำหน่ายผลไม้ ส่วนการเปิดตลาดต่างประเทศจะเร่งรัดการส่งออกผลไม้ไปจีน กลุ่มอาเซียน และตลาดใหม่ เช่น ตะวันออกกลาง และอินเดีย เป็นต้น
2.การส่งเสริมสนับสนุนให้จังหวัดชายแดนใต้เป็นครัวโลกด้านอาหารฮาลาลในอนาคต ได้มีการคัดสินค้าที่มีศักยภาพจังหวัดละ 20 รายการ และจะเพิ่มให้เป็น 200 รายการต่อไป ในส่วนของอาหารดำเนินการให้จังหวัดชายแดนใต้เป็นฮับอาหารฮาลาลในประเทศและส่งออกไปยังต่างประเทศ
3.การส่งเสริมตลาดสมุนไพรไทย ซึ่งที่ประชุมเสนอว่าประเทศคู่ค้าที่ควรพุ่งเป้าควรเป็นภูฏาน ตนรับจะไปหารือกับรัฐมนตรีพาณิชย์ของภูฏานในวันที่ 29 เมษายน 2565 ที่ จ.ภูเก็ต จะมีการประชุม JTC ไทย-ภูฏาน (การประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า หรือ Joint Trade Committee) ให้ภูฏานเป็นช่องทางการตลาดอีกตลาดหนึ่งสำหรับสินค้าสมุนไพรไทย
4.สมาพันธ์เอสเอ็มอีต้องการให้การค้าออนไลน์ของผู้ค้ารายย่อยลดต้นทุนการขนส่ง โดยเฉพาะค่าไปรษณีย์ตนขอไปหารือกับที่ประชุม กรอ.พาณิชย์ ส่วนกลางกับผู้บริหารบริษัทโลจิสติกส์ที่เกี่ยวข้องต่อไป
5.กระบี่ขอจัดกิจกรรมกระบี่สตรีทฟู้ด ได้มอบให้กระทรวงพาณิชย์ช่วยสนับสนุนการจัดงานนี้ให้เดินหน้าต่อไปได้ ซึ่งมีนักท่องเที่ยวต่างประเทศเดินทางเข้ามาแล้ว
6.พังงาขอให้สนับสนุนการสร้างแบรนด์และคาแร็กเตอร์ของความเป็นพังงาเพื่อโปรโมทจังหวัดและสินค้าที่ผลิตใน จ.พังงา ได้มอบให้กรมทรัพย์สินทางปัญญาประชุมหารือหาทางสนับสนุน เพื่อโปรโมตจังหวัดทั้งการท่องเที่ยวและการจำหน่ายสินค้า
7.ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) จะเดินหน้า 3 เรื่อง 1.ต้องการให้จังหวัดชายแดนใต้เป็นเมืองปศุสัตว์ ซึ่งได้กำหนดช่วงเวลาปี 2565-69 ใช้งบประมาณ 700 ล้านบาท กำลังทำแผนเสนอคณะรัฐมนตรี(ครม.)ให้ความเห็นชอบต่อไป และกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร ที่ตนรับผิดชอบ เตรียม
งบประมาณช่วยสนับสนุนให้จังหวัดชายแดนใต้เลี้ยงโคจำนวน 30,000 ตัว งบประมาณ 818 ล้านบาท ประกอบด้วย ปัตตานี 9,720 ตัว ยะลา 6,480 ตัว นราธิวาส 10,560 ตัว เพื่อเดินหน้าให้จังหวัดชายแดนใต้เป็นเมืองปศุสัตว์ 2.สนับสนุนให้เป็นเมืองผลไม้ ขยายพื้นที่ปลูกผลไม้สำคัญจำนวน 400,000 ไร่ เฉลี่ยปีละ 50,000 ไร่ เพื่อทำรายได้ให้กับเกษตรกรจังหวัดชายแดนใต้ เช่น ทุเรียน เป็นต้น 3.การเพิ่มมูลค่าการค้าชายแดน ที่ผ่านมา หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยขับเคลื่อนเชื่อมด่านสะเดากับฝั่งมาเลเซียอีกช่องทางหนึ่ง นอกจากด่านที่มีในปัจจุบัน โดยมีอุปสรรคในการหาจุดทำถนนเชื่อมระหว่าง 2 ประเทศ ขณะนี้ฝ่ายไทยมีข้อยุติว่าจะใช้จุดไหน ศอ.บต. เตรียมเสนองบประมาณ 251 ล้านบาท เข้า ครม.เพื่อของบกลางในปี 2565 จัดทำถนน 850 เมตร ไปฝั่งมาเลเซียเสร็จปลายปี 2566 ในส่วนของมาเลเซียเดือนสิงหาคม 2565 จะได้ข้อสรุปว่าจุดที่บรรจบจุดไหน จะช่วยเพิ่มมูลค่าการค้าชายแดนระหว่างกันได้จำนวนมหาศาล
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี