นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (เงินเฟ้อทั่วไป) เดือนเม.ย.2565 เท่ากับ 105.15 เทียบกับมี.ค. 2565 เพิ่มขึ้น 0.34%เทียบกับเดือนเม.ย. 2564 เพิ่มขึ้น 4.65%ถือเป็นการเพิ่มขึ้นในอัตราที่ลดลง จากที่เคยสูงขึ้นในเดือนก.พ.และมี.ค.ที่ทำสถิติสูงสุดในรอบ 13 ปี เนื่องจากฐานปีก่อนสูง ส่วนเงินเฟ้อรวม 4 เดือนปี 2565 (ม.ค.-เม.ย.) เพิ่มขึ้น 4.71% และเงินเฟ้อพื้นฐาน ที่หักอาหารสดและพลังงานที่มีความผันผวนด้านราคาออก ดัชนีอยู่ที่ 102.57 เพิ่มขึ้น 0.14% เมื่อเทียบกับเดือนมี.ค.2565 และเพิ่มขึ้น 2.0% เมื่อเทียบกับเดือนเม.ย.2564 และรวม 4 เดือนเพิ่มขึ้น 1.58%
สาเหตุที่ทำให้เงินเฟ้อสูงขึ้น มาจากการสูงขึ้นของสินค้าในกลุ่มพลังงาน เพิ่ม 21.07% ส่งผลให้สินค้าในหมวดพาหนะการขนส่งและการสื่อสาร เพิ่ม 10.73% โดยเฉพาะน้ำมันเชื้อเพลิง เพิ่ม 29.74% หมวดเคหสถาน เพิ่ม 0.98% มาจากการสูงขึ้นของค่ากระแสไฟฟ้า และก๊าซหุงต้มที่สิ้นสุดมาตรการตรึงราคาและเริ่มปรับราคาแบบขั้นบันได 3 ครั้ง ตั้งแต่เม.ย.-พ.ค.2565 และยังมีการสูงขึ้นของสินค้ากลุ่มอาหาร 4.83% เช่น ไข่ไก่ เนื้อสุกร ไก่สด ผักสดบางชนิด น้ำมันพืช อาหารสำเร็จรูป และเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ (กาแฟ/ชา (ร้อน/เย็น)) รวมถึงสินค้าทำความสะอาด (น้ำยาล้างจาน ผงซักฟอก น้ำยารีดผ้า) ของใช้ส่วนบุคคล (แชมพู ยาสีฟัน สบู่ถูตัว)เนื่องจากหมดโปรโมชั่นลดราคา แต่ราคาสินค้ายังไม่เกินช่วงแนะนำ
อย่างไรก็ตาม ยังมีสินค้าที่จำเป็นอีกหลายรายการที่ราคาปรับลดลง เช่นข้าวแป้งและผลิตภัณฑ์จากแป้ง ลด 3.64% ผลไม้สดบางชนิด เช่น ส้มเขียวหวาน มะม่วง กล้วยหอม ลด 1.05% เครื่องนุ่งห่ม เช่น กางเกงขายาวบุรุษ เสื้อยืดสตรีและบุรุษ ลด 0.17% และการศึกษา ลด 3.14%
ทั้งนี้ ในเดือนเม.ย.2565 มีสินค้าที่ราคาสูงขึ้น 279 รายการ เช่น น้ำมันเชื้อเพลิง เนื้อสุกร อาหารกลางวัน (ข้าวราดแกง) กับข้าวสำเร็จรูป ค่ากระแสไฟฟ้า ก๋วยเตี๋ยว อาหารเช้า มะนาว ไก่สดเป็นต้น สินค้าไม่เปลี่ยนแปลง 59 รายการ เช่น ค่าโดยสารรถไฟ เครื่องแบบอุดมศึกษาค่าตรวจโรคคลินิกเอกชน ค่าเบี้ยประกันภัยรถค่าเบี้ยประกันคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ (พ.ร.บ.) ค่าภาษีรถยนต์ประจำปี และราคาลดลง 92 รายการ เช่น ข้าวสารเหนียว ข้าวสารเจ้า ต้นหอม ขิง ถั่วฝักยาว ค่าธรรมเนียมการศึกษา ผักชี มะม่วงค่าเช่าบ้าน
นายรณรงค์กล่าวว่า แนวโน้มเงินเฟ้อเดือนพ.ค. 2565 มีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง จากราคาน้ำมันที่ยังคงอยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน และการเลิกตรึงราคาดีเซล ที่ปล่อยให้ขึ้นแบบขั้นบันได จะส่งผลกระทบต่อต้นทุนการขนส่งและการผลิตสินค้า และยังมีการสูงขึ้นของก๊าซหุงต้ม รวมถึงสินค้าอุปโภค-บริโภคโดยเฉพาะอาหารสดและอาหารสำเร็จรูปที่ยังมีแนวโน้มปรับสูงขึ้นตามต้นทุนการผลิตและวัตถุดิบ และยังมีผลกระทบจากราคาพลังงานและสินค้าโภคภัณฑ์โลก มาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ และพันธมิตร และการแพร่ระบาดของโควิด-19 รวมถึงความไม่แน่นอนของสภาพอากาศ ยังคงเป็นปัจจัยที่จะส่งผลให้เงินเฟ้อของประเทศสูงขึ้นได้ในระยะต่อไป ซึ่งจะต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด
“กระทรวงพาณิชย์ คาดการณ์ว่าเงินเฟ้อทั่วไปของไทย ปี 2565 จะเคลื่อนไหวในกรอบ 4.0-5.0% ค่ากลางอยู่ที่ 4.5% ซึ่งเป็นระดับที่เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน และหากสถานการณ์เปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญจะมีการทบทวนอีกครั้ง” นายรณรงค์ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี