นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อํานวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า สนค. ดำเนินการศึกษา “แนวทางพัฒนาศักยภาพการค้าสินค้าเกษตรมูลค่าสูง กรณีศึกษา กาแฟพิเศษ” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษารวบรวมข้อมูล ปัญหาและอุปสรรคของเกษตรกร และผู้ประกอบการ และนำมาจัดทำข้อเสนอแนะเชิงนโยบายด้านการค้าสินค้ากาแฟและกาแฟพิเศษ เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและภาคเอกชน นำไปใช้ประโยชน์ในการส่งเสริมการค้าสินค้าเกษตรมูลค่าสูงตลอดห่วงโซ่คุณค่า ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ รวมถึงเป็นการเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันให้กับสินค้าเกษตรไทย
ทั้งนี้กาแฟพิเศษ (Specialty Coffee) เป็นกาแฟที่ผ่านกระบวนการผลิตที่มีคุณภาพ ตั้งแต่การเพาะปลูก การคัดสรรเมล็ดกาแฟ จนถึงการแปรรูป เพื่อให้ได้กาแฟ
ที่มีคุณภาพสูงและรสชาติดี อีกทั้งช่วยเพิ่มมูลค่ากาแฟพิเศษให้มีราคาสูงกว่ากาแฟทั่วไป โดยนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเอมอรี่ (Emory university) สหรัฐอเมริกา ได้ศึกษาราคากาแฟพิเศษคั่วแล้ว มีราคาเฉลี่ย ณ สิ้นสุด ไตรมาสที่ 3 ของปี 2564 ที่ 28.64 เหรียญสหรัฐต่อปอนด์ โดยมีราคาต่ำสุดที่ 18.28 เหรียญสหรัฐต่อปอนด์ และราคาสูงสุดที่ 38.99 เหรียญสหรัฐต่อปอนด์ ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับราคากาแฟคั่วเฉลี่ยของสหรัฐฯ ในปี 2563 (อ้างอิงข้อมูลจากองค์การกาแฟนานาชาติ (International Coffee Organization : ICO) อยู่ที่ 4.14 เหรียญสหรัฐต่อปอนด์ จะเห็นได้ว่า ราคากาแฟพิเศษคั่วเฉลี่ยสูงกว่าราคากาแฟทั่วไปคั่วเฉลี่ยถึงกว่า 5.9 เท่า แม้ว่าในปัจจุบัน ตลาดกาแฟพิเศษยังเป็นตลาดเฉพาะกลุ่ม (Niche Market) แต่ก็ถือเป็นทางเลือกในการสร้างความแตกต่างให้กับสินค้าเกษตร และเป็นการช่วยเพิ่มมูลค่าให้สินค้ากาแฟของเกษตรกรไทย รวมทั้งกาแฟเป็นสินค้าที่ผู้บริโภคมีความต้องการสูง และตลาดสินค้ากาแฟมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
นายพูนพงษ์ กล่าวอีกว่าผลการศึกษาฯ ชี้โอกาสและข้อเสนอแนะ 8 ประการ ในการดึงศักยภาพกาแฟไทยดังนี้ 1. อบรมให้ความรู้เกษตรกร เพื่อเพิ่มผลผลิตและพัฒนาคุณภาพการผลิตเมล็ดกาแฟ รวมทั้งการทำการเกษตรที่ยั่งยืนโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม 2. พัฒนาระบบการให้การรับรองคุณภาพกาแฟ เพื่อช่วยปรับปรุงคุณภาพกาแฟไทย โดยการรับรองว่าเป็นไปตามมาตรฐาน (อาทิ มาตรฐานกาแฟ โดยสมาคมกาแฟพิเศษ (Specialty Coffee Association) 3. วิจัยและพัฒนาสายพันธุ์กาแฟใหม่ๆ ที่เหมาะสมกับพื้นที่ รวมทั้งพัฒนาเทคนิคและเทคโนโลยีการแปรรูป 4. ปรับใช้แนวคิด BCG Model ใอุตสาหกรรมกาแฟ เช่น พัฒนาบรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืน การเกษตรแบบลดคาร์บอน และห่วงโซ่อุปทานแบบหมุนเวียน (Circular Supply Chain)
5. ส่งเสริมการสร้างแบรนด์กาแฟไทยให้เป็นที่รู้จัก6. ควรตั้งศูนย์กลางในการแปรรูปและการกระจายกาแฟในแต่ละพื้นที่ ซึ่งจะช่วยส่งเสริมความร่วมมือระหว่างเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟ 7. นำเทคโนโลยีมาใช้ในการพัฒนาคุณภาพการผลิตกาแฟ เช่น ใช้เทคโนโลยีเพื่อลดต้นทุน ปรับปรุงการผลิตเพื่อผลิตกาแฟคุณภาพสูง ใช้แพลตฟอร์มดิจิทัลตรวจสอบการปลูกกาแฟเป็นต้น และ 8. ส่งเสริมสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์สำหรับกาแฟไทย เพื่อรักษาเอกลักษณ์เฉพาะตัวของกาแฟแต่ละพื้นที่ และช่วยเพิ่มขีดความสามารถทางการตลาด ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อเกษตรกรและผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมกาแฟ รวมถึงเศรษฐกิจของประเทศ
สำหรับข้อมูลสถานการณ์การผลิตและการค้ากาแฟของโลก กระทรวงเกษตรสหรัฐอเมริกา (USDA) รายงานว่า ปีการผลิต 2565/66 โลกมีผลผลิตรวม 10.20 ล้านตัน (เป็นพันธุ์อาราบิก้า และโรบัสต้า 5.41 และ 4.79 ล้านตัน ตามลำดับ) และ ในปีการผลิต 2566/67 (คาดการณ์ ณ มิถุนายน 2566) จะมีผลผลิตรวม 10.46 ล้านตัน (เพิ่มขึ้น 2.5% เทียบกับปีก่อน) (เป็นพันธุ์อาราบิก้า และโรบัสต้า 5.78 และ 4.68 ล้านตัน ตามลำดับ)ผู้ผลิตกาแฟสำคัญของโลก ได้แก่ เวียดนาม บราซิล และอินโดนีเซีย สำหรับความต้องการใช้ ในปีการผลิต 2565/66 และ 2566/67 โลกมีความต้องการเมล็ดกาแฟ 10.10 และ 10.21 ล้านตัน ตามลำดับ ประเทศที่มีความต้องการมากที่สุด คือ สหภาพยุโรป รองลงมา ได้แก่ สหรัฐฯ บราซิล ญี่ปุ่น และฟิลิปปินส์
ขณะที่สถานการณ์การผลิตและการค้ากาแฟของไทยในปี 2565 มีผลผลิตกาแฟ 18,689 ตัน (เป็นพันธุ์อาราบิก้า9,135 และโรบัสต้า 9,554 ตัน ตามลำดับ) มีการส่งออกกาแฟและผลิตภัณฑ์ เป็นมูลค่า 109.17 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 5.1% จากปีก่อนหน้า แบ่งเป็น 1. เมล็ดกาแฟ 631.6 ตัน เป็นมูลค่า 3.85 ล้านเหรียญสหรัฐ และ 2. กาแฟสำเร็จรูป 23,347 ตัน เป็นมูลค่า 105.32 ล้านเหรียญสหรัฐตลาดส่งออกเมล็ดกาแฟที่สำคัญของไทย ได้แก่ ญี่ปุ่น กัมพูชาสหรัฐอเมริกา สิงคโปร์ แคนาดา สำหรับตลาดส่งออกกาแฟสำเร็จรูปที่สำคัญ ได้แก่ กัมพูชา ลาว ออสเตรเลีย ฟิลิปปินส์เมียนมา สำหรับปี 2566 ช่วงครึ่งปีแรก (มกราคม-มิถุนายน)ไทยส่งออกกาแฟและผลิตภัณฑ์ เป็นมูลค่า 59.47 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 7.7% จากปีก่อนหน้า แบ่งเป็น เมล็ดกาแฟ148.5 ตัน เป็นมูลค่า 1.23 ล้านเหรียญสหรัฐ กาแฟสำเร็จรูป 12,081 ตัน เป็นมูลค่า 58.24 ล้านเหรียญสหรัฐ
“กาแฟเป็นสินค้าที่ไทยสามารถเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันได้ โดยการส่งเสริม การผลิตและแปรรูปกาแฟพิเศษให้มีคุณภาพและเพิ่มมูลค่าของกาแฟ ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับเกษตรกร และผู้ประกอบการ ซึ่งจะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้ากาแฟไทย และช่วยให้กาแฟไทยเป็นที่รู้จักในตลาดโลกมากยิ่งขึ้น”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี