อ้างไม่ได้เข้าไปแทรกแซงแบงก์ชาติ
‘เศรษฐา’ป้อง‘อิง’
‘ภูมิธรรม’อัดทำไมวิจารณ์ไม่ได้
ไม่ใช่สถาบันที่อยู่เหนือการเมือง
พท.ยกทัพบุกอีสานแก้หนี้คึกคัก
นายกฯย้ำ1หมื่นได้แน่ไม่เกินธ.ค.
นายกฯเศรษฐา โดดป้อง “อุ๊งอิ๊ง” หลังโดนยำเละ เพราะไปทะเลาะกับผู้ว่าฯแบงก์ชาติ บีบลดดอกเบี้ยนโยบาย อ้างแค่สะท้อนความคิดเห็นของชาวบ้านแต่ไม่ได้แทรกแซง ฝ่าย “ภูมิธรรม” เดือดฉะแบงก์ชาติ ไม่ใช่สถาบันอยู่เหนือการเมือง ทำไมประชาชนจะวิจารณ์ไม่ได้ ขณะเดียวกัน นายกฯเศรษฐา ยังนำคณะเยือนอีสานประกาศชัดเงินดิจิทัลได้แน่ไม่เกินธันวาคมปีนี้ ด้านโฆษกประจำตัวบิ๊กป้อม เชื่อประชาชนออกมาไล่เศรษฐาแน่นอน เพราะทำเรื่องไม่เข้าท่า ปชป.เหน็บคืบหน้าแค่หาแพะ แนะให้กลับไปลอกผลงาน “บิ๊กตู่” ทำ “คนละครึ่ง”
เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย แสดงวิสัยทัศน์ระบุถึงธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ บนเวที ”10 เดือนที่ไม่รอ ทำต่อให้เต็ม 10” ที่พรรคเพื่อไทย เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคมที่ผ่านมา ทำให้หลายฝ่ายวิพากษ์วิจารณ์การแสดงวิสัยทัศน์ว่า ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าปัญหาภาวะดอกเบี้ยสูง เป็นประเด็นสำคัญ และเป็นรายจ่ายที่ทำให้ประชาชนเดือดร้อน จึงถือเป็นการสะท้อนความเห็นของประชาชน ตนเข้าใจความเป็นอิสระของ ธปท.และพยายามทำงานร่วมกัน ให้เกียรติ ธปท.แต่หากมีข้อเรียกร้อง ก็ได้เรียกร้องและพูดคุยกัน
โดยเฉพาะอัตราดอกเบี้ยที่ควรลดลงมา แต่เชื่อว่า ธปท.มีเหตุผลที่จะไม่ลด จึงเดินหน้าในส่วนของรัฐบาลต่อไป ทั้งการแก้ไขหนี้นอกระบบ การคุยกับธนาคารเอกชน ที่ได้ลดดอกเบี้ยลงมาแล้ว แม้จะลด25หรือ50 สตางค์ ก็มีส่วนช่วยประชาชนได้ จึงเชื่อว่า จะสามารถยึดโยงกับประชาชนได้ และในการลงพื้นที่ในวันที่ 5-6 พฤษภาคมนี้ ที่มหาสารคาม และร้อยเอ็ด รวมถึงในปลายสัปดาห์ ที่สุพรรณบุรี กาญจนบุรี ราชบุรี และเพชรบุรี จะรับฟังปัญหาเหล่านี้ต่อไป ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการ สถาบันการเงิน นักการเมือง ส.ส. ผู้บริหารพรรค ต่างมาทำหน้าที่ เพื่อประโยชน์ประชาชน ส่วนวิธีการแก้ไขปัญหา ก็อาจจะแตกต่างกันไป และทุกคนมีสิทธิวิพากษ์วิจารณ์กันได้ แต่ขอให้ยึดโยงกับประชาชนเป็นหลัก และนำความเดือดร้อนของประชาชน มาเป็นแนวทางการแก้ไขปัญหา
ย้ำไม่เคยบีบผู้ว่าแบงค์ชาติ
ผู้สื่อข่าวถามว่า การแสดงวิสัยทัศน์จากเวทีดังกล่าวทำให้ฝ่ายค้านมองว่ารัฐบาลพยายามบีบผู้ว่าการ ธปท.ให้เห็นด้วยกับนโยบายรัฐบาล นายกฯ กล่าวว่า ไม่เคยบีบ และสามารถไปฟังจากคำแสดงวิสัยทัศน์ได้ เพราะเป็นการสะท้อนความต้องการของประชาชน ถึงการแก้ไขปัญหา
เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่เมื่อมีการวิพากษ์วิจารณ์ดังกล่าวออกมาแล้ว จะทำให้การทำงานระหว่างรัฐบาล กับ ธปท.ห่างเหิน นายเศรษฐากล่าวว่า ยอมรับว่ากังวลทุกเรื่อง เพราะไม่อยากให้มีความขัดแย้ง และพยายามแก้ไขปัญหาในส่วนที่ตนสามารถทำได้ เชื่อว่าคำแนะนำของนายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการ ธปท.ที่เคยได้แนะนำมาว่าการประสานงานระหว่างรัฐบาล กับ ธปท.ควรกระทำผ่านสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ หรือ สคร.ที่เป็นหน่วยงานของกระทรวงการคลัง จึงจะมีการพยายามพูดคุยกันต่อไป พร้อมย้ำว่า รัฐบาลให้เกียรติทุกองค์กร
รอหารือรมว.คลังคนใหม่
เมื่อถามถึงการพบเจอกับผู้ว่าการ ธปท.อีกครั้ง นายกฯ กล่าวว่า หากมีโอกาสจะได้พบ แต่ผู้ว่าการ ธปท.ได้ขอให้พูดคุยผ่าน สคร.หลังจากนี้จะไปหารือกับนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง ว่าจะมีการประสานงานช่องทางใด ซึ่งมีหลายช่องทาง เพื่อพูดคุยกับผู้ว่าการ ธปท.ได้บ้าง และยืนยันว่ารัฐบาลพยายามทำงานกับทุกองค์กรให้ดีขึ้น ไม่สร้างความขัดแย้งจนทำให้ประชาชนเดือดร้อน
ภูมิธรรมชี้ทำไมจะวิจารณ์ไม่ได้
ด้านนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและรมว.พานิชย์ กล่าวว่า น.ส.แพทองธารแสดงออกอย่างเปิดเผย จริงใจ และห่วงใยที่แบงก์ชาติยังยืนยันที่จะตรึงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้อย่างเดิมโดยไม่พิจารณาถึงผลกระทบด้านต่างๆ ซึ่งประชาชน ที่เป็นลูกหนี้แบงก์และประชาชนทั่วๆ ไป กำลังเผชิญชีวิต ดิ้นรนอยู่ภายใต้ภาวะเศรษฐกิจที่กำลังซ้ำเติมชีวิตความเป็นอยู่ของพวกเขาอย่างแสนสาหัส
นายภูมิธรรมระบุอีกว่า สื่อมวลชนเองก็รับรู้กระแสข่าวเรื่องนี้มาอย่างต่อเนื่อง ความคิดของคนในสังคมต่อประเด็นนี้ก็มีความหลากหลาย และประเด็นการตัดสินใจของแบงก์ชาติก็เป็นกระแสความเห็นต่างกันอย่างกว้างขวางในสังคม แต่แปลกใจว่าทำไมเมื่อหัวหน้าพรรคเพื่อไทยสะท้อนความคิดบ้าง จึงเป็นประเด็นที่ถูกวิพากษ์ วิจารณ์ แบบมุ่งโจมตีด้วยอคติอย่างไร้เหตุผล การแสดงความเห็นต่อกรณีแบงก์ชาติในวันประชุมของหัวหน้าพรรคเพื่อไทยที่ผ่านมา ตนเชื่อมั่นว่าหัวหน้าพรรคเพื่อไทยกำลังทำหน้าที่สะท้อนความเห็นอย่างเปิดเผย ตรงไปตรงมาต่อแบงก์ชาติ ในฐานะที่องค์กรนี้เป็นหนึ่งในกลไกสำคัญของการพัฒนาและดูแลระบบเศรษฐกิจของประเทศ ความเห็นดังกล่าวมีนัยยะที่สะท้อนถึงความห่วงใยต่อผลกระทบจากภาระทางเศรษฐกิจที่บีบคั้นชีวิตของประชาชนจำนวนมาก ซึ่งกำลังเดือดร้อนและแบกรับความยากลำบากอยู่
ชี้ธปท.ไม่มีข้อห้ามการวิจารณ์
นายภูมิธรรมระบุอีกว่า ท่าทีของการแสดงความคิดทางการเมืองของหัวหน้าพรรคเพื่อไทยจึงเป็นไปตามวิถีประชาธิปไตย และสำนึกความรับผิดชอบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน อีกทั้งยังเป็นการนำเสนอในเวทีของพรรคการเมือง ประกอบด้วยกรรมการและสมาชิกพรรค ที่ต่างต้องมีส่วนร่วมอย่างเต็มที่ในการแสวงหาแนวทาง มาตรการ ทางเลือก เพื่อช่วยกันคิด และจัดการภาวะเศรษฐกิจของประเทศ จึงเป็นสิทธิที่สามารถพูดได้ ออกความเห็นได้ และเป็นเรื่องที่พึงกระทำได้ ไม่ว่าจะในฐานะพลเมือง หรือหัวหน้าพรรคการเมืองที่มีความห่วงใยประชาชน ห่วงใยบ้านเมือง ตนเห็นว่าการแสดงความเห็นโดยสุจริตใจในครั้งนี้จะเป็นการกระตุกให้สังคมและผู้เกี่ยวข้องได้ช่วยกันคิด ไตร่ตรองหาเหตุผลให้เห็นทางออกมากขึ้น
นายภูมิธรรมระบุต่อว่า ความเป็นจริงแบงก์ชาติไม่ใช่สถาบันที่อยู่เหนือการเมือง ไม่ใช่องค์กรที่ห้ามวิพากษ์วิจารณ์ ตรงข้ามแบงก์ชาติคือกลไกของระบบเศรษฐกิจและการเมืองของประเทศ ที่ประชาชนทุกฝ่ายเข้าถึง เสนอความคิดเห็นได้ แม้จะมีขอบเขตหน้าที่หลักทางเศรษฐกิจ ก็ไม่ได้หมายความว่าแบงก์ชาติไม่ข้องเกี่ยวกับการเมือง และชีวิตของประชาชน การที่ประชาชนทั่วไปหรือพรรคการเมืองกล่าวถึงแบงก์ชาติ หรือวิพากษ์วิจารณ์ เสนอความเห็นต่อแบงก์ชาติ ก็ไม่ใช่การแทรกแซง แต่เป็นการเสนอเพื่อให้มุมมองทางเลือกอื่นๆ ที่เหมาะสมมากกว่าในบริบทสถานการณ์ที่เป็นอยู่
วอนขอสื่ออย่าขยายผล
นายภูมิธรรมระบุว่า การที่สื่อบางบุคคล บางสำนักมีอคติต่อพรรคเพื่อไทย และนำความเห็นบางส่วนของหัวหน้าพรรคมาวิพากษ์อย่างรุนแรง และขยายความตามอคติของตนบวกด้วยการใส่สีตีข่าว เป็นการทำข่าวด้วยอคติมากกว่าข้อเท็จจริง ตนเฝ้ามองคนข่าวหรือสำนักข่าวบางคนบางส่วน ที่ยังติดยึดอยู่กับอคติเดิมแล้วการใช้พื้นที่ข่าวของตนเป็นพื้นที่ละเลงอคติและขยายความขัดแย้งอยู่เนืองๆ ก่อและปั่นกระแสขัดแย้งในสังคม โดยไม่คำนึงถึงสิทธิและความเป็นมนุษย์ของบุคคลที่ตกเป็นข่าว
“ผมขอยืนยันว่า กรณีแบงก์ชาติยังเป็นประเด็นที่สังคมยังสะท้อนความเห็นและสื่อสารกันได้ โดยใช้ความรู้และปัญญาที่รอบด้านมากกว่าการใช้จินตนาการที่มีแต่อคติ เพื่อให้เกิดประโยชน์กับการขับเคลื่อนทั้งเศรษฐกิจและสังคมโดยรวม” นายภูมิธรรม ระบุ
เศรษฐาแก้หนี้/ยาเสพติด
วันเดียวกัน นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี พรอมคณะ เดินทางไปจังหวัดบุรีรัมย์ ร้อยเอ็ด มหาสารคาม เพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติดแลหนี้นอกระบบ บรรยากาศเป้นไปอย่างคึกคัก
ช่วงหนึ่ง นายเศรษฐา กล่าวที่มหาสารคราม ว่า จังหวัดมหาสารคามหากดูจากตัวเลขแล้วยังน่าเป็นห่วง เพราะรายได้ต่อหัวของประชากรยังต่ำอยู่เป็นลำดับที่ 57 ของประเทศ ซึ่งถือว่าต่ำอยู่มาก เรายังต้องพึ่งภาคเกษตรค่อนข้างเยอะ และภาคเกษตรจะดีได้ต้องมีน้ำซึ่งเป็นปัจจัยหลักในการบริหารจัดการ ซึ่งตัวเลขชัดเจนผู้ว่าราชการจังหวัดบอกปริมาณน้ำฝนที่เกิดจากธรรมชาติยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของพี่น้องประชาชนในแง่การทำการเกษตร จึงได้มีการพูดคุยกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกรมป้องกันสาธารณภัย ให้ดูแลเรื่องน้ำ ขนส่งน้ำบริการประชาชน ซ่อมบำรุงการประปาให้กับประชาชน เพื่อให้มีน้ำกินน้ำใช้
ย้ำเงินดิจิทัล1หมื่นได้แน่น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าระหว่างลงพื้นที่จังหวัดมหาสารคาม นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางมายังศูนย์ประสานงานพรรคเพื่อไทย อำเภอพยัคฆภูมิพิสัย ซึ่งพรรคเพื่อไทย ได้จัดเวทีเพื่อไทยพบประชาชน มี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย สวมใส่เสื้อสีแดง พร้อมนำสส.พรรคเพื่อไทยพบนายกฯเศรษฐาที่ใส่เสื้อแดงด้วย
โดยนายกฯ ขึ้นกล่าวบนเวทีว่า จำได้หรือไม่ว่าเดือนนี้เมื่อปีที่แล้วมาหาเสียงที่นี่ ยังจำได้ว่ามีพายุฝนตกใหญ่ และจำรอยยิ้มได้ วันนี้มาไม่มีการเปลี่ยนแปลง ยังประทับใจในรอยยิ้มและความตั้งใจจริงของพี่น้องทั้งย้ำคำมั่นเงินหมื่นดิจิทัลได้แน่ไตรมาส4
ทั้งนี้ พิธีกรบนเวที นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ได้ถามประชาชนว่าเอาเงินหมื่นดิจิทัลวอลเล็ตหรือไม่ โดยประชาชนต่างตะโกนตอบว่า “เอา” อย่างไรก็ตามในช่วงท้ายได้มีประชาชน ตะโกนบอกว่า “รักนายกเศรษฐา” ด้วย
ต่อมาน.ส.แพทอง ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทยได้เปิด ตัว นายพลพัฒน์ จรัสเสถียร ว่าที่ผู้สมัครนายก อบจ.มหาสารคาม ของพรรคเพื่อไทย เป็นน้องชายของนายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร อดีต สส. มหาสารคาม และที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี
ดิจิทัลได้แน่ไม่เกินธค.
จากนั้นเวลา 16.00น. วันที่ 5 พ.ค.นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เดินทางถึงวัดกลางอุดมเวทย์ ตำบลพนมไพร อ.พนมไพร จ.ร้อยเอ็ด ทั้งนี้ ทันทีที่นายกฯ เดินทางถึงได้สักการะองค์พระมหาธาตุวัดกลางอุดมเวทย์ โดยน.ส.จิราพร กล่าวกับนายกฯว่า พระธาตุแห่งนี้ที่นี่ชาวบ้านจะบนบานศาลกล่าว เพื่อขอตำแหน่งหากได้ก็จะมาจุดบั้งไฟถวาย ก่อนนายกฯจะกราบนมัสการ พระครูอดุลจันทคุณ เจ้าอาวาสวัดกลางอุดมเวทย์ และเจ้าคณะตำบลพนมไพร เขต1โดยพระครูอดุลจันทคุณ
ได้มอบหนังสือประวัติองค์พระมหาธาตุ และมอบกรอบรูปภาพพระครูประโชติธรรมานุยุต (หลวงพ่อชาลี) อดีตเจ้าอาวาสวัดกลางอุดมเวทย์ และมอบพระสมเด็จ 9 ชั้นแกะสลักจากงาช้าง ให้นายกฯ เป็นที่ระลึกด้วย อย่างไรก็ตาม พระครูอดุลจันทคุณ กล่าวเชิญชวนนายกฯ ให้มาร่วมงานบุญบั้งไฟพนมไพรของจ.ร้อยเอ็ด ในวันที่ 20-22 มิ.ย.67 โดยนายกฯ ยิ้มและพยักหน้า ก่อนตอบว่า “ครับ” ซึ่งในจังหวะนี้มีชาวบ้านพูดขึ้นว่า “ หลวงพ่อบอกว่าอยากให้ท่านนายกฯมาเป็นเจ้าภาพบุญบั้งไฟ 10ล้านบาท” จากนั้นนายกฯ เดินทักทายพบปะประชาชน โดยมีประชาชนชาวพนมไพรมารอให้การต้อนรับนายกฯ พร้อมชูป้ายโดยมีข้อความระบุว่า “10,000 บาท ดิจิทัลวอลเล็ต หวังคนไทยความหวังของเรา ใครอย่ามาขัดขวางความเจริญ” นอกจากนี้ยังมีป้ายข้อความต่างๆ เช่น “รอเงินหมื่นดิจิทัล ,รักอุ๊งอิ๊ง, รักษาฟรี รักนายกฯเศรษฐา ,รัฐบาลเศรษฐารัฐบาลของประชาชน ช่วยคนยากจนได้ลืมตาอ้าปาก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในช่วงระหว่างที่นายกฯ เดินพบปะประชาชน ปรากฎว่าชาวบ้านที่ถือป้ายดิจิทัลวอลเล็ต ได้สอบถามนายกฯว่า “เงินดิจิทัลวอลเล็ตจะได้เมื่อไหร่” โดยนายกฯ ตอบกลับว่า ไม่เกินธ.ค.นี้แน่นอน
ชี้มีคนเขียนโพยให้”อุ๊งอิ๊ง”อ่าน
นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช อดีตผู้ช่วย รมว.ยุติธรรม โฆษกประจำตัว พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย พูดบนเวที “งาน 10 เดือนที่ไม่รอทำต่อให้เต็ม 10” ว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เป็นอุปสรรคต่อการฟื้นเศรษฐกิจ ว่า ตนไม่ขอวิจารณ์ น.ส.แพทองธาร เพราะเชื่อว่า น.ส.แพทองธาร อ่านตามโพยที่มีคนเขียนให้ ซึ่งทุกคนก็คงรู้ว่าใครเป็นคนเขียน แต่วันนี้ ตนต้องขอบคุณนายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ สส.กทม.พรรคก้าวไกล (ก.ก.)ที่ออกมาด่านายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีว่าปากพล่อย และน.ส.แพทองธาร ปากเปราะ ในการไปตำหนิผู้ว่าฯธปท.ซึ่งทั้ง 2 คำนี้โดนใจมาก
เชิญผู้ว่าธปท.เป็นรมว.คลัง
นายสามารถ กล่าวต่อว่า เรื่องเงินดิจิทัลทุกคนรู้อยู่แล้วว่ามันทำได้ลำบาก ผู้ว่าฯ ธปท.รวมถึง ปปช.จึงออกมาเตือน ตนจึงอยากจะฝากนายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ว่าขอให้ทาบทาม ผู้ว่าฯ ธปท. คนนี้ไปเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคลัง ผมคิดว่าบ้านเมืองเจริญแน่ เพราะท่านกล้าทำในสิ่งที่ถูกต้อง แล้วก็กล้าไม่ทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง อีกคนหนึ่งที่ตนคิดว่าที่อยากจะให้เป็นรองนายกคุมตำรวจ ซึ่ง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย เหมาะที่จะมาดำรงตำแหน่งนี้ เพราะท่านมีความรู้ ความสามารถ ขอฝากให้นายกรัฐมนตรีคนที่ 31 เริ่มจัด ครม.ได้แล้ว เพราะถ้านายเศรษฐายังดึงดัน เรื่องเงินดิจิทัลอยู่นั้นก็นับเวลาถอยหลังรอได้เลย
เชื่อชาวบ้านออกมาไล่”เศรษฐา”
นายสามารถ ยังกล่าวต่อว่า วันนี้สถานการณ์ในพรรคเพื่อไทยเองก็ไม่นิ่ง คลื่นใต้น้ำมีเพียบ “ใครจะสรรเสริญนายกเศรษฐา ก็สรรเสริญไป ผมไม่ขอสรรเสริญเยินยอด้วย สมัยก่อนนั้นค่าไฟบ้านผม 10,000 กว่าบาท แต่ตอนนี้ 20,000 กว่า เมื่อก่อนผมเติมน้ำมันลิตรละ 30 ตอนนี้น้ำมันลิตรละ 40 ชาวบ้านเขาบอกว่าของแพงทุกอย่างแต่ที่ถูกอย่างเดียวคือ ยาบ้า ฉะนั้นผมจึงขอไม่ร่วมสังฆกรรมด้วย“และว่า ฉะนั้นนายเศรษฐาไม่ควรอยู่ต่อแล้ว เพราะยังดึงดันที่จะทำเงินดิจิทัล สร้างความเสียหาย สร้างความวิบัติให้กับประเทศ ตนคิดว่าประชาชนคนไทยทั้งประเทศต้องออกมาช่วยกันไล่นายกฯได้แล้ว
ปชป.แนะทำโครงการคนละครึ่ง
นายชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราชและรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีนโยบายเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ที่ยังไม่มีความคืบหน้าเท่าที่ควร นอกจากหาแพะรับบาป ดังนั้น ตนจึงอยากให้รัฐบาล มีการปรับเปลี่ยนการดำเนินงานโครงการเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้กับประชาชนเสียใหม่ เพราะเชื่อว่า หากดันทุรังไปจนถึงปลายทางแล้ว พรรคเพื่อไทยอาจจะได้รับคะแนนนิยมจนชนะการเลือกตั้งก็จริง แต่ก็ทิ้งความเสียหายให้กับประเทศเป็นจำนวนมาก ยกตัวอย่างเช่น โครงการคนละครึ่ง ที่ชาวบ้านเข้าใจเป็นอย่างดี และก็มีแอป ‘เป๋าตัง’ อยู่แล้ว มาปรับให้เกิดความเหมาะสม เพราะชาวบ้านก็ยืนยันแล้วว่า โครงการคนละครึ่ง สามารถสร้างกำลังซื้อให้เกิดความคึกคักขึ้นมาทันตาเห็น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี