เมื่อวานนี้ 18 มิ.ย.นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ประธานมูลนิธิเครือข่ายต่อต้านการทุจริตคอรัปชั่น  ยื่นหนังสือร้องเรียนต่อ คณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ (กมธ.ป.ป.ช.) สภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอให้มีการสอบสวนผู้บริหาร และ ข้าราชการ ในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ส่อทุจริตจัดซื้อระบบประมวลผลแบบคลาวด์ และ จัดซื้อซอฟต์แวร์สำเร็จรูป   มูลกว่า 4,130 ล้านบาท ใน 2 โครงการฯ คือ  โครงการประกวดราคาเช่าใช้ ระบบประมวลผลแบบคลาวด์   งบประมาณ 2,800,158,000.00 บาท (สองพันแปดร้อยล้านหนึ่งแสนห้าหมื่นแปดพันบาทถ้วน) และ โครงการประกวดราคาซื้อจัดซื้อซอฟต์แวร์สำเร็จรูปพร้อมพัฒนาแพลตฟอร์มการจัดการเรียนรู้แห่งชาติ โดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเป็นฐาน ระยะที่  2  งบประมาณ 1,330,085,600.00  บาท(หนึ่งพันสามร้อยสามสิบล้านแปดหมื่นห้าพันหกร้อยบาทถ้วน) 

โดยนายมงคลกิตติ์ ระบุว่า สืบเนื่องมาจาก สพฐ. มีความประสงค์จะประกวดราคาเช่า เช่าใช้ระบบประมวลผลแบบคลาวด์ และ โครงการประกวดราคาซื้อจัดซื้อซอฟต์แวร์สำเร็จรูปพร้อมพัฒนาแพลตฟอร์มการจัดการเรียนรู้แห่งชาติ โดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเป็นฐาน ระยะที่ 2 ภายใต้โครงการส่งเสริมการเรียนรู้ขั้นพื้นฐานทุกที่ทุกเวลา สพฐ. กระทรวงศึกษาธิการ ด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding) โดยให้ยื่นเอกสารประกวดราคา ในวันที่ 25 มิถุนายน 2568 และ วันที่  2 กรกฎาคม 2568  ตามลำดับนั้น ทางมูลนิธิฯ พบข้อพิรุธ อาจมีการ ฮั้วประมูล ล็อกสเปก กีดกันคู่แข่ง และมีการจัดทำราคาสูงเกินจริง โดยปั่นราคาโครงการฯ จากราคาประมาณ 3,300 ล้านบาท  ปั่นไปเป็น  4,130 ล้านบาท ทำให้คู่แข่งรายอื่นเข้าประกวดราคาไม่ได้ โดยเฉพาะในส่วนงานระบบรักษาความปลอดภัย (Security Firewall) และ ระบบฐานข้อมูล (Database)  เพื่อหวังใช้เป็นเงินทอนให้กับผู้มีอำนาจ  รวมไปถึง มีการกำหนด ผู้ชนะการประมูลไว้ ล่วงหน้า โดยมีการเจรจา โดยทั้งสองโครงการ อยู่ในความรับผิดชอบของ สพฐ. กระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งทางมูลนิธิฯ เห็นว่า มีความผิดตามมาตรา 10 , 11 , 12 , 13 ของพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 (พ.ร.บ.ฮั้ว) อย่างชัดเจน 

  “ ผมได้ ติดตามตรวจสอบทั้งสองโครงการฯ มาสักระยะนึง พบข้อพิรุธหลายอย่าง ประกอบกับตนเองเคยตรวจสอบ หน่วยงาน สพฐ. กระทรวงศึกษาธิการ มายาวนาน และ เห็นว่าเรื่องนี้ มีความไม่โปร่งใส ในโครงการฯ มีการ กีดกันคู่แข่ง โดยมีการล็อกสเปก อุปกรณ์ระบบ Security และ ระบบ Database โดยให้ใช้ผลิตภัณฑ์ได้เพียงยี่ห้อเดียวเท่านั้น มีการจัดทำราคาสูงเกินจริง ในงานระบบ Security และ ระบบ Database เพื่อหวังใช้เป็นเงินทอนให้กับผู้มีอำนาจ และ เจ้าหน้าที่  ไม่เปิดโอการให้ บริษัทอื่นเข้าแข่งขัน เนื่องจากคุณลักษณะไม่เข้าเกณฑ์ตามที่มีการล็อคสเปกเอาไว้ล่วงหน้า และจะต้องมีหนังสือแต่งตั้งจากบริษัทที่กำหนด ซึ่งคู่แข่งที่จะเสนอราคาได้ ต่างก็ไม่มีใครได้มีหนังสือที่ว่านี้  และทั้งสองโครงการ ก็มีการใช้ระบบการดำเนินงานจากบริษัทที่ชนะการประมูลที่ล็อกสเปกไว้ด้วยกัน ในวันนี้ จึงเดินทางมายื่นหนังสือร้องเรียนต่อท่านประธานกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ ให้ ตรวจสอบเรื่องดังกล่าวฯ เพราะถึงแม้ว่าจะมีการประมูลในอีกไม่กี่วันข้างหน้า แต่หากทาง กมธ.ป.ป.ช. มีการเรียกผู้ทำ TOR และผู้เกี่ยวข้องมาชี้แจง ก็จะทำให้มีการแก้ไข TOR เพื่อเปิดโอกาสให้บริษัทรายอื่นเข้ามาแข่งขัน ก็จะทำให้มีกลไกการแข่งขันราคาเพื่อเป็นการรักษางบประมาณของประเทศ  ซึ่งหากทาง กมธ. ปปช. ไม่ดำเนินการประชุมเพื่อดำเนินการแก้ไขแล้ว คาดว่าจะทำให้ภาครัฐเกิดความเสียหายในวงกว้าง เนื่องจากระบบดังกล่าวต้องให้บริการกับโรงเรียนในสังกัด ส.พ.ฐ ทั่วประเทศ รวมทั้ง จะเป็นการสูญเสียงบประมาณให้กับผู้อยู่เบื้องเป็นเงินทอนให้ผู้มีอำนาจราว 1,000 ล้านบาท แทนที่จะนำเงินส่วนนี้ไปพัฒนาทางการศึกษาของชาติต่อไป” นายมงคลกิตติ์กล่าว