รศ.ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ อดีตกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทยและอดีตคณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ ม.รังสิต เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยคาดว่ากระเตื้องขึ้นไตรมาส 3 รับการเปิดประเทศ ขณะที่จีดีพีไตรมาสสามขยายตัวได้ไม่ต่ำกว่า 3-4% เมื่อเทียบกับระยะเวลาเดียวกันปีที่แล้ว(YoY) ขณะที่เมื่อเทียบกับไตรมาสสองปรับตัวดีขึ้นอย่างชัดเจนโดยเฉพาะกิจกรรมในภาคการท่องเที่ยว และการใช้จ่ายที่พุ่งขึ้นจากอุปสงค์ที่ชะลอช่วงก่อนหน้านี้(Pent-up Demand) คาดการผลิตในภาคอุตสาหกรรมและภาคบริการเร่งตัวขึ้น พร้อมกับ การขยายตัวเพิ่มขึ้นของการลงทุนภาคเอกชน แต่ค่าครองชีพ ต้นทุนการผลิตสูง และอัตราเงินเฟ้อจะเป็นปัญหาใหญ่ของเศรษฐกิจไทย คาดจะพุ่งสูงสุดในไตรมาสสามหลังจากนั้นราคากดดันราคาพลังงานน่าจะคลี่คลายลงจากสงครามยูเครนที่น่าจะยุติลงได้ในไตรมาสสี่
ส่วนเงินเฟ้อคาดว่าเฉลี่ยจะอยู่ที่ 5-6% การเกินดุลบัญชีเดินสะพัดและเกินดุลการค้าเพิ่มขึ้นในไตรมาสสามบวกกับการไหลกลับของเงินทุนระยะสั้นสู่ตลาดการเงินในภูมิภาคและไทย น่าจะทำให้ค่าเงินบาทกลับมาแข็งค่าขึ้นบ้างลดแรงกดดันเงินเฟ้อได้บางส่วน คาดว่า อัตราการขยายตัวของภาคส่งออกไทยเติบโตต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีหลัง
ขณะที่ส่งออกไปรัสเซียและยูเครนหดตัวมากถึง 73% และ 77.8% ในเดือนมี.ค.เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อนหน้า แต่ผลกระทบทางตรงต่อเศรษฐกิจไทยจากการส่งออกยังมีอยู่อย่างจำกัด เนื่องจากไทยส่งออกไปยังรัสเซียและยูเครนเป็นสัดส่วนน้อยและไม่ได้มีสินค้าส่งออกสำคัญใดที่พึ่งพาตลาดรัสเซียและยูเครนมากเป็นพิเศษ หากไทยไม่สามารถส่งออกสินค้าไปยังรัสเซียและยูเครนได้เลยในช่วงที่เหลือของปี พ.ศ. 2565 ไม่ว่าจะเป็นเพราะการชะลอตัวของเศรษฐกิจจากพิษของสงคราม มาตรการคว่ำบาตรจากนานาชาติ หรือการอ่อนค่าของสกุลเงินท้องถิ่น ก็จะส่งผลกระทบต่อการส่งออกสินค้าของไทยไม่ถึง 0.5% ของทั้งหมดเท่านั้น และมีแนวโน้มสงครามยูเครนน่าจะคลี่คลายในช่วงครึ่งปีหลังสินค้าส่งออกไทยบางประเภทสามารถขยายส่วนแบ่งตลาดได้ จากการทดแทนสินค้าส่งออกของรัสเซียและยูเครนในตลาดโลก โดยเฉพาะในยุโรปที่สินค้าส่งออกไทยหลายประเภทมีส่วนแบ่งตลาดในยุโรปในระดับที่ดีและแข่งขันได้ เช่น สินค้าเกษตร ยางสังเคราะห์ ไม้อัด ปลาแช่แข็ง เป็นต้น
“แม้ระบบการเงินโดยรวมยังคงมีเสถียรภาพ แต่ภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจยังมีสัดส่วนหนี้สินต่อทุน หนี้สินต่อรายได้ในระดับสูง จำเป็นต้องมีการปรับโครงสร้างหนี้อย่างยั่งยืนด้วยการเพิ่มศักยภาพในการหารายได้และความสามารถในการชำระหนี้ในระยะยาวของลูกหนี้” รศ.ดร.อนุสรณ์ กล่าว
ขณะที่ระบบเศรษฐกิจการเงินโลก การปรับฐานลงของราคาสินทรัพย์คริปโตฯยังไม่จบ มูลค่าของตลาดคริปโตล่าสุดอยู่ที่1.51 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ในจำนวนนี้เป็นมูลค่าของ Bitcoin เกือบ 600,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ตามด้วย Ethereum ที่ 285,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่ตลาดทุนของสหรัฐมีมูลค่าถึง 49 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนสมาคมอุตสาหกรรมหลักทรัพย์และตลาดการเงิน ระบุว่ามูลค่าคงค้างของตลาดตราสารหนี้สหรัฐอยู่ที่ 53-54 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ผลกระทบของการเทขายคริปโตเคอร์เรนซีครั้งใหญ่ปลายสัปดาห์ที่แล้ว ส่งผลให้มูลค่าในตลาดหายไปถึง 200,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 6.946 ล้านล้านบาท ภายในหนึ่งวันทำการ ผลกระทบต่อระบบการเงินโลกยังมีจำกัดแม้ว่าในภาพรวมแล้วตลาดคริปโตจะค่อนข้างเล็ก แต่ธนาคารกลางสหรัฐ กระทรวงการคลัง และคณะกรรมการเสถียรภาพการเงิน (FSB) ระบุว่า Stablecoinเหรียญดิจิทัลที่ตรึงมูลค่าไว้กับมูลค่าของทรัพย์สินจริงๆ อาจเป็นภัยคุกคามต่อเสถียรภาพการเงินของโลกได้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี