นายสันติ ปิยะทัต กรรมการผู้จัดการ บริษัท เค.ซี.พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ “KC”เปิดเผยว่า หลังจากที่บริษัทต้องถูกระงับการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เป็นเวลากว่า 5 ปี ตนและทีมงานได้พยายามแก้ไขปัญหาจนสำเร็จลุล่วง ไม่ว่าจะเป็นการปรับปรุงระบบควบคุมภายในที่มีประสิทธิภาพ และโปร่งใส เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้สอบบัญชี และหน่วยงานกำกับดูแลฯ บรรษัทจดทะเบียน ตลอดจนท่านผู้ถือหุ้นของบริษัทฯจนผู้สอบบัญชีให้ความไว้วางใจ และทำการตรวจสอบบัญชีและรับรองงบการเงินให้เรามาจนถึงปัจจุบัน
ในส่วนของธุรกิจเรามุ่งมั่นพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์คุณภาพสูงทำเลดี ในราคาที่คุ้มค่า โดยมีแผนที่จะกระจายความเสี่ยง ไปสู่ธุรกิจอื่นๆ เพื่อสร้างความมั่นคงในระยะยาวให้แก่บริษัท และท่านผู้ถือหุ้น ตนและทีมงานเชื่อว่าสิ่งเหล่านี้ จะทำให้ทุกฝ่ายมีความเชื่อมั่นต่อเค.ซี.ฯ ว่าจะกลับมาเป็นบริษัทจดทะเบียนที่ธุรกิจมีความยั่งยืนในตลาดหลักทรัพย์ได้อย่างมั่นคงต่อไป
นายสันติกล่าวว่า เป้าหมายหลักของบริษัท ในช่วงครึ่งปีแรกที่สำคัญที่สุดคือ การพยายามกลับมาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ให้ได้อีกครั้ง ซึ่งเราได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี จากทุกๆ ฝ่ายจนเราสามารถกลับมาได้สำเร็จในวันที่ 19 พฤษภาคม ที่จะถึงนี้ ซึ่งจุดนี้จะเป็นกุญแจสำคัญในการดำเนินธุรกิจของบริษัท เป็นการสร้างความมั่นใจให้แก่ทุกๆ ฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นผู้ถือหุ้นทุกๆ ท่าน ซึ่งผ่านความยากลำบากตลอด 5 ปีที่ผ่านมา พนักงาน คู่ค้า สถาบันการเงิน ตลอดจนหน่วยงานกำกับดูแลฯ เมื่อทุกฝ่ายมั่นใจในตัวเราสิ่งเหล่านี้ได้สะท้อนออกมาเป็นภาพรวมของธุรกิจในช่วงไตรมาสแรกของปี 2565 ซึ่งเราทำผลงานออกมาได้ใกล้เคียงกับเป้าหมายที่วางไว้ และยังคงมุ่งมั่นเดินหน้าต่อไปเพื่อให้ปี 2565 เป็นปีแห่งการเริ่มต้นที่ดีของ เค.ซี.ฯ
“ปัจจัยหลักที่ทำให้บริษัทกลับมาแข็งแกร่ง และสามารถทำกำไรได้ เป็นผลจากการปรับปรุงกระบวนการทำงานตลอดช่วง 2 ปีที่ผ่านมาเนื่องจากในอดีตบริษัทประสบกับปัญหาการขาดทุนมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเราได้พยายามแก้ปัญหาด้วยการปรับปรุงกระบวนการให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อเพิ่มความรวดเร็วในการดำเนินธุรกิจทั้งกระบวนการด้วยกลยุทธ์ FAST Process ซึ่งส่งผลทำให้กลไกของธุรกิจคล่องตัวขึ้น”
นอกจากนั้นเราพยายามลดค่าใช้จ่ายในการบริหาร รวมถึงการบริหารจัดการต้นทุนการก่อสร้างให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และสุดท้ายเราพยายามปรับปรุงและพัฒนา Design และ Function ในโครงการหลักๆไปควบคู่กัน เป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มและส่งผลให้อัตรากำไรต่อหน่วยในโครงการหลักๆของเราดีขึ้น จึงส่งผลทำให้งบการเงินของบริษัทในไตรมาส 1 ของปี 2565 ดีขึ้นสามารถสร้างรายได้รวมทั้งสิ้นมูลค่า 81.64 ล้านบาท ซึ่งเติบโตจากไตรมาสแรกปีก่อนหน้าถึง 706% (รายได้ไตรมาสแรกปี 2564 เท่ากับ 11.55 ล้านบาท)
“ปัจจุบันบริษัท มีโครงการที่อยู่ระหว่างพัฒนาและดำเนินการขายอยู่ 5 โครงการ มูลค่ารวม 3,399 ล้านบาท สำหรับแผนการดำเนินงานในครึ่งปีหลัง บริษัท ยังคงมุ่งพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แนวราบต่อไปโดยแผนธุรกิจตลอดทั้งปี 65 บริษัท ดำเนินการพัฒนาโครงการต่างๆ แบ่งเป็นบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม และอาคารพาณิชย์ ซึ่งอาคารพาณิชย์เป็นโปรดักส์ตัวใหม่ ที่มีการนำเทคโนโลยีที่ช่วยประหยัดพลังงาน โดยเฉพาะด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเข้ามาเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาว”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี