นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) หรืออีอีซี เปิดเผยในงานสัมมนา “4 ปี อีอีซี ภารกิจขับเคลื่อนไทย เชื่อมทุกมิติอย่างยั่งยืน” ว่า การขับเคลื่อนเขตพัฒนาภาคตะวันออก(อีอีซี)ตลอด 4 ปีได้สร้างเม็ดเงินการลงทุนระยะที่ 1 (ปี 2561-64) กว่า 1.72 ล้านล้านบาทเร็วกว่าแผนที่ตั้งเป้าหมายไว้ 5 ปี (ปี2561-65)ส่งผลให้ขณะนี้อยู่ระหว่างการเดินหน้าในระยะที่ 2 (ปี 2565-69) ที่จะเร่งรัดการลงทุนให้เกิดขึ้น 2.2 ล้านล้านบาท หรือเฉลี่ยปีละ 4 แสนล้านบาท โดยมุ่งเน้นการลงทุนนวัตกรรมขั้นสูง 12 อุตสาหกรรมเป้าหมายภายใต้ยุทธศาสตร์ BCG โมเดล ฯลฯซึ่งแนวโน้มการลงทุนยังมีต่อเนื่องโดยเฉพาะยานยนต์ไฟฟ้า (อีวี) ที่จีนสนใจที่จะมาลงทุนแบบคลัสเตอร์ ทั้งแบตเตอรี่ อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ รถอีวี ฯลฯ มากขึ้น
“นักลงทุนยังเข้ามาดูพื้นที่ต่อเนื่องถือว่าการลงทุนยังคงมีสัญญาณที่ดีเชื่อว่าปีนี้จะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ที่การลงทุนเฉลี่ยในอีอีซีจะอยู่ที่ปีละ 4 แสนล้านบาทตามแผนระยะที่ 2 เพื่อเป็นกลไกผลักดันให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ(จีดีพี)เติบโตเฉลี่ย 4.5-5% ต่อปี เพื่อหนุนให้ไทยพ้นกับดักรายได้ปานกลางก้าวสู่ประเทศพัฒนาปี 2572” นายคณิศ กล่าว
4 ปีที่ผ่านมาอีอีซีได้ผลักดันโครงการร่วมทุนรัฐ-เอกชน (PPP) จนสำเร็จครบ 4 โครงการหลัก (รถไฟความเร็วสูงฯ-สนามบินอู่ตะเภา ท่าเรือมาบตาพุดและแหลมฉบัง) เกิดการลงทุนรวมทั้งภาครัฐและเอกชนสูงถึง 655,821 ล้านบาทซึ่งเป็นส่วนที่ภาครัฐลงทุนเพียง 36%แต่รัฐจะได้รับผลตอบแทนคิดเป็นมูลค่าปัจจุบันกว่า 440,193 ล้านบาท ทำให้ประเทศก้าวสู่การพึ่งพาตนเอง ไม่ต้องพึ่งพาทุนจากต่างประเทศในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็น ประหยัดเงินงบประมาณของรัฐ เกิดความร่วมมือภาคเอกชนไทย เกิดการจ้างงานสร้างอาชีพ ซึ่งในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นซึ่ง 4 โครงการคืบหน้าและจะเปิดบริการได้ราวปี 2569
อีอีซี ได้สร้างความเชื่อมโยงกับภูมิภาคเอเชียและภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลกผลักดันให้เกิดการลงทุนขนาดใหญ่จากต่างชาติ การลงทุนในระยะที่ 1 อีอีซีทำสำเร็จเร็วกว่าเป้าหมายที่วางไว้ ใช้เวลาเพียง 4 ปี (2561-2564) อนุมัติการมูลค่าการลงทุน 1,722,720 ล้านบาทใช้งบประมาณรัฐเพียง 5% จากที่ตั้งเป้าหมายไว้ 1.7 ล้านล้านบาทใน 5 ปีแรก (2561-2565) เป็นการลงทุนจากโครงสร้างพื้นฐาน 4 โครงการหลัก 654,921 ล้านบาท การลงทุนอุตสาหกรรมเป้าหมาย (ประมาณการจากบัตรส่งเสริมลงทุนบีโอไอ) 985,799 ล้านบาท และการพัฒนาพื้นที่ผ่านแผนบูรณาการร่วมกับหน่วยงานกว่า 30 แห่ง มูลค่า 82,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ยังมีการใช้ 5G ในพื้นที่อีอีซีซึ่งติดตั้งสัญญาณครบ 100% ถือเป็นประเทศแรกในอาเซียนที่มีการใช้ 5G อย่างกว้างขวาง โดยต่อยอดพัฒนาในภาคการผลิต สู่อุตสาหกรรม 4.0 การพัฒนาในระดับชุมชน และด้านการจัดการข้อมูลเพื่อต่อยอดธุรกิจ ทั้งนี้ ความสำเร็จที่เกิดขึ้น ได้ผลักดันให้ชุมชนบ้านฉาง ก้าวสู่ smart city เกิดศูนย์นวัตกรรมดิจิทัลและเทคโนโลยีขั้นสูงบ้านฉาง (EEC Tech Park) มูลค่าลงทุนกว่า 20,000 ล้านบาท คาดว่าก่อสร้างในเฟสแรกภายในปี 2567 และในพื้นที่เมืองพัทยา ได้วางโครงสร้างพื้นฐานเสา 5G ไปแล้วกว่า 100 เสา อยู่ระหว่างขยายเพิ่มเติมเพื่อให้พัทยาก้าวสู่ smart city เช่นกัน รวมทั้งในปี 2565 จะนำร่องต้นแบบ EEC Common Data Lake นำข้อมูล Data platform ภาครัฐและเอกชน ใช้ประโยชน์เพื่อต่อยอดธุรกิจ คาดว่าจะทำให้เกิดธุรกิจต่อเนื่อง มีมูลค่าสูงกว่า 1 ล้านล้านบาท ได้ประโยชน์เพิ่ม 5 เท่า จากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานท่อ เสา สาย 2 แสนล้านบาท
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี