นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ปัญหาการขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์(ชิพ)และชิ้นส่วนรถยนต์ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อยอดการผลิต และการส่งออกรถยนต์ในเดือนพ.ค. 2565 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ลดลง 7.8% และ 3.2% ตามลำดับทำให้กลุ่มฯจำเป็นต้องติดตามปัญหาดังกล่าวใกล้ชิดเนื่องจากยอมรับว่าหากสถานการณ์รุนแรงขึ้นอาจจะกระทบเป้าหมายการผลิตปี 2565 ที่วางไว้ 1,800,000 คัน แบ่งเป็นผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ 800,000 คัน และส่งออก 1,000,000 คันได้
“แม้ว่าการจำหน่ายรถยนต์ในประเทศเดือนพ.ค. 2565 มีทั้งสิ้น 64,735 คันเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน 15.71% และรวม 5 เดือนแรกปีนี้ (ม.ค.-พ.ค. 2565)อยู่ที่ 359,351 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน 16.59% จากกิจกรรมต่างๆ ที่ฟื้นตัวทั้งคลายล็อกดาวน์ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรัฐที่มีต่อเนื่องและการเปิดประเทศที่ท่องเที่ยวเริ่มฟื้นตัวมากขึ้นในขณะนี้ที่เรามองว่าการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศจะได้เกินเป้าหมายด้วยซ้ำ แต่ก็ยังมีปัจจัยเสี่ยงจากแรงซื้อประชาชนที่ลดลงจากค่าครองชีพที่สูงขึ้นทั้งน้ำมัน และราคาสินค้า รวมถึงหนี้ครัวเรือนที่เพิ่ม ขณะที่ค่ายรถมีการปรับขึ้นราคารถยนต์บางรุ่นจากต้นทุนที่เพิ่มรวมถึงราคาชิพและชิ้นส่วน และการส่งรถที่ล่าช้าจากปัญหาการขาดชิพเหล่านี้ยังคงต้องติดตามใกล้ชิดอีกระยะหนึ่งก่อนจึงจะทบทวนเป้าหมาย” นายสุรพงษ์กล่าว
สำหรับการผลิตรถยนต์รวม พ.ค. 2565 อยู่ที่ 129,231 คัน ลดลง 7.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนโดยลดลงจากการผลิตเพื่อส่งออกรถยนต์นั่งและรถกระบะลดลง 23.05% และ 17.84% ตามลำดับ รวมทั้งผลิตรถยนต์นั่งขายในประเทศลดลง 0.31% จากการขาดแคลนชิ้นส่วนและเซมิคอนดักเตอร์ในบางรุ่นเมื่อรวม 5เดือนแรก (ม.ค.-พ.ค. 2565) มีจำนวนทั้งสิ้น 727,095 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 2.36%
“การผลิตเพื่อส่งออกเดือนพ.ค. 65,839 คัน คิดเป็น 50.95% ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 19% ส่วน 5 เดือนแรกผลิตเพื่อส่งออกได้ 369,660 คัน คิดเป็น 50.84% ลดลงจากช่วงเดียวกัน 10.20% ส่วนการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศพ.ค. ผลิตได้ 63,392 คัน คิดเป็น 49.05% เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 7.66% และ 5 เดือนแรกปีนี้ 357,435 คัน คิดเป็น 49.16%ของยอดการผลิตทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 19.67%” นายสุรพงษ์ กล่าว
ส่วนการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปเดือนพ.ค. 2565 อยู่ที่ 76,937 คัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 3.20% ซึ่งเป็นการส่งออกรถยนต์นั่งไปยังตลาดเอเชียและยุโรปที่ลดลง และมูลค่าการส่งออกรถยนต์พ.ค.อยู่ที่ 46,226.52 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 4.52%ขณะที่ 5 เดือนแรกปีนี้ส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป 375,757 คัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 3.77%
อย่างไรก็ดี ด้านมูลค่าการส่งออก 223,872.91 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 1.1% เนื่องจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่า
นอกจากนี้จากนโยบายรัฐบาลที่เดินหน้าส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า(อีวี)ที่ชัดเจน ประกอบกับราคาน้ำมันที่แพงทำให้ยอดการจำหน่ายยานยนต์ไฟฟ้ายังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่องโดยพบว่า เดือนพ.ค. 2565 มียานยนต์ไฟฟ้าประเภทแบตเตอรี่ (BEV)จดทะเบียนใหม่(ป้ายแดง)จำนวน 1,567 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 189.65% ยานยนต์ไฟฟ้าป้ายแดงประเภทรถยนต์ไฮบริด(HEV) พ.ค.2565 มีทั้งสิ้น 5,362 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน 67.77% และยานยนต์ไฟฟ้าแบบปลั๊กอิน (PHEV) เดือนพ.ค.จดทะเบียนใหม่มีจำนวน 1,056 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน 50%
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี