นางประวีรัตน์ เทวอักษร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วิลล่า คุณาลัย หรือ “KUN”เปิดเผยว่า ช่วง 5 เดือนแรกของปี 2565 (มกราคม-พฤษภาคม) บริษัทมียอดขาย (Presale) รวม640 ล้านบาท เติบโตประมาณ 16% เมื่อเทียบกับยอดขายสะสมในช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 550 ล้านบาท และคิดเป็น 37.6% ของเป้าหมายที่ตั้งไว้ทั้ง 2565 ที่ 1,700 ล้านบาท

สาเหตุหลักมาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิค-19 ได้เปลี่ยนแปลงแนวความคิดการเลือกซื้อบ้านและพฤติกรรมการใช้ชีวิตไปมาก ทำให้เกิดวิถีชีวิตแบบใหม่ในการใช้สอยพื้นที่ภายในบ้านที่แตกต่างไปจากเดิม เช่น ทำงานจากที่บ้าน, การค้าขายออนไลน์ ที่มีมากขึ้น ทำให้ลูกค้ามองหาที่อยู่อาศัยแนวราบอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังมีการส่งเสริมจากภาครัฐ ได้แก่ การขยายระยะเวลามาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนองอสังหาริมทรัพย์ราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท เหลือร้อยละ 0.01 รวมถึง ธนาคารแห่งประเทศไทย ได้ออกมาตรการผ่อนคลายหลักเกณฑ์การกำกับดูแลสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย ทำให้ลูกค้ามีโอกาสขอสินเชื่อได้มากขึ้น

อีกทั้ง จากสถานการณ์เงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น ราคาวัสดุก่อสร้างปรับตัวสูงขึ้น ทำให้ราคาบ้านมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังนี้ ทำให้ลูกค้าที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัยรีบตัดสินใจซื้อบ้านก่อนที่ราคาบ้านจะปรับขึ้น

นางประวีรัตน์กล่าวถึงภาพรวมตลาดอสังหาฯในช่วงครึ่งปีหลังว่า แนวโน้มของตลาดอสังหาริมทรัพย์จะฟื้นตัวดีขึ้น ด้วยสถานการณ์ของการแพร่ระบาดของโควิค-19 คลี่คลาย ประกอบกับการเปิดประเทศรวมถึงการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ที่เริ่มกลับมาเกือบสู่ภาวะปกติ จึงเป็นปัจจัยที่ทำให้มั่นใจว่า ทิศทางในเชิงบวกจะสามารถทำผลักดัน ให้ยอดขายและรายได้ของ KUN เป็นไปตามเป้าหมายการเติบโตที่บริษัทฯตั้งไว้ ที่คาดว่าจะขยายตัว 10-15% จากปีก่อนที่มีรายได้รวม 1,000 ล้านบาท โดยในครึ่งปีหลังนี้ บริษัทจะเปิดตัวโครงการคุณาลัย นาวาร่า มูลค่าโครงการประมาณ 3,500 ล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการที่ตั้งในโซนทิศใต้ บริเวณถนนพระราม 2 มีรูปแบบโครงการเป็นบ้านเดี่ยว

สำหรับภาพรวมของกำลังซื้อในปี2565 คาดว่าจะเพิ่มขึ้น ทั้งจากสภาพเศรษฐกิจที่ดีขึ้น ทั้งจากความกังวลในราคาบ้านที่อาจจะปรับเพิ่มขึ้นและจากการกระตุ้นในมาตรการต่างๆ ของภาครัฐที่สิ้นสุดในธันวาคม 2565 จะเป็นการเร่งการตัดสินใจของลูกค้าในการซื้อบ้านในปีนี้ แต่อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการอสังหาฯจะต้องเจอ คือต้นทุนที่ดิน ซึ่งปรับตัวสูงขึ้นดังนั้น โครงการอสังหาริมทรัพย์แนวราบที่จะพัฒนาใหม่ จะมีราคาขายบ้านในโครงการที่สูงขึ้นตามต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ทั้งจากต้นทุนที่ดินและต้นทุนค่าก่อสร้าง