นายกฯประชุมบอร์ด EEC กำชับปรับเปลี่ยนโครงการใด ให้เป็นไปตามกม. รับทราบดำเนินการ 5 โครงการสำคัญ ขับเคลื่อนโครงสร้างพื้นที่ฐาน-ผลิตน้ำจืดจากทะเล-ยกระดับยีนบำบัดธารัสมีเซีย-จีโนมิกส์ ตรวจยีนมะเร็ง-โดรน 7 แสนลำ ภายใน 5 ปี
11 กรกฎาคม 2565 ที่ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) ครั้งที่ 3/2565 ผ่านระบบคอนเฟอร์เร้นท์ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยมีนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน , นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เข้าร่วมด้วย
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีกำชับเกี่ยวกับการปรับเปลี่ยนโครงการต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบใด ๆ ต้องให้เป็นไปตามข้อกฎหมาย เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันพิจารณาหารือดำเนินการให้รอบคอบถึงการผลิตน้ำจืดจากน้ำทะเล (Desalination) ในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก เพื่อให้ภาคอุตสาหกรรมมีน้ำใช้เพียงพออย่างยั่งยืน โดยในระยะเร่งด่วนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความสำคัญกับการปรับปรุงโครงข่ายท่อประปาที่เสื่อมสภาพ และนำเทคโนโลยีมาช่วยในการดำเนินการจัดการน้ำในพื้นที่ พร้อมให้มีการพิจารณาในเรื่องของราคาค่าน้ำ ไม่เพิ่มภาระให้กับประชาชนด้วย
นอกจากนี้ ที่ประชุมมีมติรับทราบการดำเนินงานในเรื่องที่สำคัญ ดังนี้
1. รับทราบความก้าวหน้าภารกิจขับเคลื่อนโครงสร้างพื้นฐานหลัก ซึ่งเป็นโครงการร่วมลงทุนรัฐ-เอกชน (PPP) 4 โครงสร้างพื้นฐาน เดินหน้าก่อสร้างแล้วทุกโครงการ อย่างเป็นรูปธรรม ได้แก่ 1) โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน 2) โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก 3) โครงการท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด และ 4) โครงการท่าเรือแหลมฉบัง
2. รับทราบการผลิตน้ำจืดจากน้ำทะเล (Desalination)
3. รับทราบการยกระดับบริการด้านยีนบำบัด (Gene therapy) สำหรับโรคธาลัสซีเมีย (Thalassemia) ซึ่งเป็นโรคโลหิตจางทางกรรมพันธุ์ที่พบได้บ่อยในคนไทยและมีค่าใช้จ่ายสูงในการดูแลต่อเนื่อง เป็นภาระของผู้ปกครอง ครอบครัว และประเทศ โดยหน่วยงานเกี่ยวข้องร่วมกันขับเคลื่อนการวิจัยพัฒนาและผลิตยีนบำบัดในไทย และจะเตรียมพื้นที่สำหรับบริษัทที่ประสงค์จะลงทุนก่อสร้างศูนย์ผลิตอีกด้วย
4. รับทราบความก้าวหน้าเรื่อง จีโนมิกส์ (Genomics) ซึ่ง สกพอ. ได้ร่วมมือกับคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล และบริษัท โรช ประเทศไทย จำกัด (Roche) จัดตั้งศูนย์ทดสอบระดับสากลสำหรับ “การตรวจยีนมะเร็งแบบครอบคลุม” และศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ รักษาผู้ป่วยมะเร็งปอดชนิด non small cell ระยะลุกลามด้วยการแพทย์แม่นยำ ช่วยให้คนไทยได้เข้าถึงการรักษาที่แม่นยำ ลดอัตราการสูญเสียจากโรคมะเร็ง คนไทยได้เข้าถึงการรักษาด้วยเทคโนโลยีด้านการแพทย์ชั้นสูง และยกระดับบริการด้านสาธารณสุขได้อย่างยั่งยืน
5. รับทราบการพัฒนาระบบนิเวศอากาศยานไร้คนขับ (UAS Ecosystem) หรือ “โดรน” ในพื้นที่อีอีซี โดยบริษัทวิทยุการบินแห่งประเทศไทย (บวท.) ได้จัดทำแนวทางการพัฒนาที่จะเกิดการใช้ประโยชน์ครบมิติ อาทิ ด้านการเกษตร การถ่ายภาพ การขนส่งสินค้าและคน การสำรวจความปลอดภัย อีกทั้งจะขยายศักยภาพต่อยอดในด้านอื่น ๆ โดยประเทศไทย คาดว่าจะมีการใช้โดรนมากถึง 700,000 ลำ ในเวลา 5 ปี และกว่า 80% จะใช้งานในพื้นที่อีอีซี ซึ่งจะสร้างประโยชน์ และพัฒนากิจกรรมทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะตามแนวคิดการสร้างเมืองการบิน (Aerotropolis) เชื่อมโยงระบบคมนาคมโครงสร้างพื้นฐานหลัก เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานขนส่ง ลดต้นทุน ลดเวลา รวมทั้งต่อยอดไปยังอุตสาหกรรมการผลิต และการแพทย์ครบวงจร เพื่อยกระดับการให้บริการและร่วมขับเคลื่อนอุตสาหกรรมใหม่ New S Curve ในพื้นที่อีอีซี
-005